10 นิสัยเสียที่ดีต่อสุขภาพ

10 นิสัยเสียที่ดีต่อสุขภาพ นิสัยแย่ๆเหล่านี้ ดีต่อสุขภาพอย่างไม่น่าเชื่อ

1.กินช็อกโกแลตบ่อยเกินไป
สาวๆมักกลัวช็อกโกเลตเพราะเชื่อว่าเป็นศัตรูของความงามและน้ำหนัก แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ช๊อคโกแลตก็มีดีไม่น้อยเชียวคะ แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นช็อกโกแลตดำ (Dark Chocolate)เท่านั้นนะคะ เพราะในช็อกโกแลตดำนั้นประกอบไปด้วยสาร Flavonoids ในปริมาณสูงพ่วงด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนต์ชนิดเดียวกับที่พบใน ไวน์แดง ชา ผลไม้และผักบางชนิด

จากผลวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัย Glasgow สก็อตแลนด์ พบว่า flavonoids สามารถช่วยต่อต้านการก่อตัวของมะเร็งได้ แต่หากคุณเกลียดช็อกโกแลตดำเพราะรสชาติออกขมๆ ไม่อร่อยเอาเสียเลย ลองหันมากินช็อกโกแลตนมแทนก็ได้ แม้ในช็อกโกแลตนมจะมีสารแอนตี้ออกซิเดนต์น้อยกว่าช็อกโกแลตดำ แต่ก็มีปริมาณแคลเซียมสูงกว่าถึง 5 เท่า

ดังนั้น ช็อกโกแลตนมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี สำหรับคนที่ต้องการเสริมความแข็งแรงของกระดูก และหากคุณรู้สึกดีมากๆ เวลากินช็อกโกแลตแล้วล่ะก็ ไม่ต้องแปลกใจเพราะผลวิจัยหลายชิ้นพบว่า เวลาคนเรากินช็อกโกแลตนั้น สมองจะปล่อยสารเอนโดฟีน ซึ่งออกฤทธิ์เหมือนฝิ่นธรรมชาติ (ไม่เป็นอันตรายค่ะ) ซึ่งทำให้เราอารมณ์ดีและบรรเทาความเจ็บปวดได้

2. โกรธและวีนชาวบ้านบ่อยๆ
แม้ว่านิสัยเสียแบบนี้อาจทำให้คุณถูกเพื่อนๆ คว่ำบาตร แต่ถ้ามองในแง่ดี การโกรธกลับส่งผลดีต่อสุขภาพได้เหมือนกัน การโกรธเป็นเป็นการปลดปล่อย ดีต่อสุขภาพกว่าคนเครียด เงียบแต่เก็บกดเยอะคะ

ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า ในทางตรงกันข้าม หากคุณแสดงความโกรธนั้นออกไปจะเป็นผลดีต่อสุขภาพอย่างมาก
ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้ แถมนักวิจัยยังกล่าวเสริมอีกว่า ผู้ชายที่สามารถระบายความโกรธของตัวเองออกไปได้ จะลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้มากกว่าครึ่งเทียบกับผู้ชายวัยเดียวกันที่หาทางระบายความโกรธไม่ได้ จนต้องเก็บกดจนล้มป่วยในที่สุด

3 ติดซอสมะเขือเทศ
เด็กหลายคนติดอกติดใจในรสชาติของซอสมะเขือเทศ ไม่ว่าจะกินอะไรก็เรียกหาซอสมะเขือเทศตลอดเวลา จนบางครั้งคุณแม่อาจกังวลว่ามันจะมากเกินไปหรือเปล่า ตอบได้อย่างมั่นใจค่ะว่า ไม่มากไปหรอก เพราะที่จริงแล้วการกินซอสมะเขือเทศมากๆ กลับเป็นสิ่งที่ดี เพราะจากผลวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่าในซอสมะเขือเทศมีสาร Lycopene ซึ่งจัดเป็นแอนตี้ออกซิเดนต์ที่ช่วยลดความเสี่ยง ของการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งอื่นๆอีกหลายชนิด

นอกจากนั้นมะเขือเทศยังเป็นแหล่งวิตามิน C ที่สำคัญ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระดับภูมิคุ้มกันในร่างกาย อย่างไรก็ตามยังมีข้อแม้อีกสองสามอย่างเช่น ในซอสมะเขือเทศบางชนิดอาจมีปริมาณ เกลือมากเกินไป หรือผสมด้วยข้าวโพดซึ่งทุกวันนี้ข้าวโพดกลายเป็นส่วนผสมในทุกอย่างแม้แต่น้ำอัดลม และนั่นคือสาเหตที่ทำให้คนทั่วไปอ้วนง่าย เอาเป็นว่าทานอะไรก็ทานให้พอเหมาะคะ และอย่าทานอะไรซ้ำๆ จนเกิดอันตรายต่อร่ายกายได้ ดังนั้น ก่อนซื้อคุณควรอ่านฉลากให้ดี เพื่อให้แน่ใจว่ามีปริมาณเกลือในระดับที่เหมาะสม หรือมีข้าวโพดและสารปรุงรสที่มีผลเสียหรือไม่

4. ชอบกินถั่วเป็นกับแกล้ม
แม้ว่าคุณจะเป็นแฟนพันธุ์แท้แอลกอฮอล์มากไปสักนิด หรือติดการกินถั่วเป็นกับแกล้มจนเป็นนิสัยมากไปสักหน่อย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า มันไม่ดี การกินถั่วแกล้มกับไวน์สักแก้ว จัดเป็นพฤติกรรมการกินที่ดีต่อสุขภาพ เพราะในถั่วลิสงและถั่วชนิดอื่นๆ ประกอบไปด้วยสารเคมีธรรมชาติ ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็งได้อย่างไม่น่าเชื่อ

จากการศึกษาของ Harvard School of Public Health ยังพบอีกว่า ผู้หญิงที่กินเนยถั่วประมาณ 5 ครั้งต่อสัปดาห์
จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานได้ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ แม้บางคนอาจจะค้อนว่าในถั่วมีไขมันอยู่ไม่น้อยทีเดียว แล้วมันจะดีต่อสุขภาพจริงหรือ สบายใจได้ค่ะ เพราะไขมันที่อยู่ในถั่วกว่า 50 เปอร์เซนต์ เป็นไขมันชนิดไม่อิ่มตัว ซึ่งดีต่อสุขภาพ แถมยังช่วยบรรเทาความหิวได้เป็นอย่างดี

นักวิจัยกล่าวเสริมว่า ถั่วลิสงเป็นแหล่งวิตามิน B ที่เยี่ยมยอดมาก ซึ่งช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานจากอาหารได้ดี แถมยังช่วยสร้างเซลล์ใหม่ให้แก่ร่างกายอีกด้วย แต่มีข้อแม้อีกเหมือนกันคะ ถ้าต้องการมีสุขภาพดี กินแต่กลับแกล้มอย่างถั่ว แต่ไม่ต้องดื่มเหล้าจะดีกว่าคะ และถั่วในปริมาณที่มากไปก็มีแคลอรี่มากเช่นกัน ระวังจะอ้วนไม่รู้ตัวคะ

5. แอบงีบระหว่างวันทำงาน
การแอบงีบในที่ทำงานเป็นพฤติกรรมที่เจ้านายคุณเกลียดกลัวมากที่สุด และหากคุณแอบงีบไม่เนียนพอละก็ ตัวใครตัวมันค่ะ
แม้ว่าการแอบงีบจะจัดเป็นพฤติกรรมของพนักงานขี้เกียจในสายตาเจ้านายไทย แต่การแอบงีบหลับระหว่างวันกลับเป็นพิธีกรรมที่น่ารักในเม็กซิโกและกรีซ

ชาวโปรตุเกสก็ชอบงีบหลับจนถึงกับมีการจัดตั้ง Association of Friends of the Siesta ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มคนเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมการงีบหลับในช่วงบ่ายให้คงอยู่ต่อไป มีผลวิจัยมากมายหลายชิ้นที่กล่าวถึงประโยชน์ของการงีบหลับ เช่น คนที่งีบหลับในช่วงบ่ายจะลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับคนที่ไม่งีบหลับระหว่างวัน

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญในการนอนแนะนำว่า มนุษย์ทุกคนควรจะงีบประมาณ 30 นาทีหลังจากอาหารกลางวัน แต่ควรรอให้อาหารย่อยสักสี่สิบนาทีก่อนงีบคะ เดี่ยวจะเป็นกรดไหลย้อนไม่รู้ตัว แต่ไม่ควรงีบในช่วงบ่ายแก่ๆ เพราะอาจทำให้คุณกลายเป็นมนุษย์ค้างคาว ไม่ยอมหลับยอมนอนในเวลากลางคืนได้

6. เครียดและกดดัน
รู้ไหมว่า ความเครียดเป็นแรงผลักดันให้เราทำบางสิ่งบางอย่าง หากปราศจากความเครียด มนุษย์จะไม่ลุกจากเตียง หรือกระตือรือร้นหาอาหารใส่ท้อง ความเครียดเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนเราให้บรรลุเป้าหมายและภารกิจต่างๆ หลายๆคนยอมรับว่า มักจะทำงานได้ดีภายใต้ความกดดันและความเครียด

แต่ความเครียดและความกดดันนี้จะเกิดปัญหาก็ต่อเมื่อมันมากเกินไป และคุณไม่สามารถจัดการกับมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมองในแง่ดี ความเครียดนั้นสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ใช้มันเป็นแรงผลักดันเวลาคุณต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆในชีวิตให้ดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องมีแผนการเฉพาะกิจไว้จัดการกับความเครียดได้อย่างทันท่วงที ในเวลาที่รู้สึกว่ามันชักจะมากเกินไป เช่น
มีเพื่อนสนิทไว้ปรึกษา การออกกำลังกาย การดูหนัง ฟังเพลง หรืออะไรก็ตามที่คุณคิดว่ามันช่วยคุณได้ ทำไปเถอะค่ะ!

7. เป็นคนเจ้าน้ำตา
อย่าสนใจต่อเสียงล้อเลียนของเพื่อนร่วมงานว่าคุณเป็นสาวเจ้าน้ำตา เพราะการร้องไห้เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเครียดจากร่างกายได้อย่างดี จากผลวิจัยของ Ramsey Dry Eye and Tear Research Center พบว่า เมื่อเราร้องไห้ ร่างกายจะขจัดฮอร์โมนความเครียดส่วนเกิน

อาทิ ฮอร์โมนprolactin (ฮอร์โมนที่ผลิตโดยต่อมพิทุอิตารีด้านหน้า มีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งน้ำนมหลังจากการคลอดบุตร) ได้
นอกจากนี้น้ำตายังอาจช่วยให้ร่างกายกำจัดสารเคมีในร่างกายชนิดอื่นได้ อีกหลายชนิด เช่น แมงกานีส ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า และ lysozymes เอนไซม์ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดแผลพุพอง แต่มันคงไม่ดีนักหากคุณจะระเบิดสงครามน้ำตาในที่ทำงานทุกวี่วันเพราะนั่นอาจสร้างความรำคาญให้คนอื่นๆ และทำให้เจ้านายมองว่าคุณมีปัญหาทางจิตได้ ดังนั้น วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือการร้องไห้ที่บ้าน และถ้ามีเพื่อนสนิทที่รู้ใจคอยปลอบอยู่ข้างๆ ได้ก็ยิ่งดี

8. เป็นสาวช่างเม้าท์
ผู้หญิงกับการเม้าท์เป็นสองสิ่งที่เกิดมาเพื่อกันและกัน เวลาที่เธอเจอกัน ทุกอย่างจะพรั่งพรูออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
ชนิดที่ไม่ต้องเตรียมการล่วงหน้าว่าจะคุยเรื่องอะไร ฟังดูอาจดูน่ารำคาญในสายตาผู้ชาย แต่ถ้าผู้ชายลองเม้าท์ได้สักเศษหนึ่งส่วนสามของผู้หญิง จะส่งผลดีต่อสุขภาพชนิดที่คุณคาดไม่ถึง

จากการศึกษาของ Social Issues Research Centre in Oxford พบว่าการพูดคุยนั้นเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ช่วยให้เราสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ เรียนรู้ทักษะทางสังคม และแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ บางองค์กรถึงกับมีการส่งเสริมการซุบซิบพูดคุย ภายในองค์กรอย่างออกหน้าออกตา เพราะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อธุรกิจเนื่องจากสามารถกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้
และถือเป็นวิธีระดมพลังสมองที่ดีมากเช่นกัน

การคุยโม้ เป็นปฏิกิริยาทางสังคมโดยธรรมชาติที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่กำเนิด การคุยโม้ เป็นหนทางที่เปิดโอกาสให้เรารู้จักคนอื่นๆ ก่อนที่จะพัฒนาไปสู่ความสัมพันธ์ในรูปแบบ เพื่อนหรือคนรัก ต่อไป นอกจากนี้การคุยโม้ ยังเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดฟิน ที่ช่วยทำให้อารมณ์ดีและจิตใจปลอดโปร่งอีกด้วย

9.ติดดื่มกาแฟ
ในอดีตคาเฟอีนในกาแฟเป็นผู้ร้ายมานานแสนนาน แต่ปัจจุบันนอกจากกาแฟจะไม่ได้ทำให้หัวใจวายแล้ว กาแฟไม่ให้หัวใจวายแล้วกาแฟยังเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และการศึกษามากมายพิสูจน์แล้วว่ากาแฟมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย

สารเคมีที่มีอยู่ในกาแฟไช่วยต่อสู้กับพาร์กินสัน อัลไซเมอร์ เบาหวานชนิดที่ 2 และโรคมะเร็งตับ แถมยังช่วยเพิ่มหน่วยความจำให้คนดื่มอีกด้วย แต่ก็อีกนะคะ อย่าให้มากไป การดื่มกาแฟมากไปก็เกิดผลเสียมากมายเช่นกัน ที่สำคัญกาแฟที่ว่าคือกาแฟดำคะ ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่นม หรือครีม ถ้าอยากได้ประโยชน์เต็มๆคะ

10.ชอบดื่มเบียร์ ไวน์
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบางครั้งก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณ มีผลการศึกษามากมายที่ช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้ อาทิ
ผลการศึกษาโดย Joseph Fourier University of Grenoble ในฝรั่งเศส พบว่า ไวน์แดงสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดหัวใจวาย และช่วยป้องกันมะเร็ง ต่อมลูกหมาก ลดโอกาสการเกิดเนื้องอกในลำไส้และป้องกันมะเร็งผิวหนังได้ และในปี 2003 ในวารสารทางการแพทย์ของอังกฤษ

รายงานว่า นักดื่มที่ดื่มแอลกอฮอล์ในระดับปานกลางจะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้ 30-35 เปอร์เซนต์ แต่…ใช่คะ มีแต่อีกแล้ว การดื่มมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อบุคลิกและตับได้ แถมบางคนหากเผลอดื่มขณะท้องว่างก็เป็นการทำลายกระเพาะดีๆ นี่เอง ที่สำคัญ เมาแล้วขับรถอาจทำให้คุณไปจบชีวิตในคุก วัดหรือโรงพยาบาลก็ได้

สรุปว่าในทุกเรื่องแย่ๆก็อาจีสิ่งดีๆซ่อนอย่และในทุกการกระทำถ้าทำมากไปอาจเกิดผลเสียได้คะ ถ้าคุณชอบเรื่องราวดีๆแบบนี้ อย่าลืมแวะมาอ่านหรือแชร์ไปบ่อยๆนะคะ และถ้าคุณมีเรื่องราวดีๆ อยากบอกต่อให้คนอื่นได้รับทราบและเป็นแนวเดียวกับเพจนี้ ส่งเข้ามาในกล่องข้อความได้คะ การให้คือสิ่งที่ดีเสมอคะ

<<Back
Next>>

Share this Post

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.