9 วิธีจัดการกับความโกรธ ของคนที่ประสบความสำเร็จ
ช่วงนี้มีแต่ข่าว คนที่โกรธกันแล้วใช้กำลังกับผู้อื่น บางครั้งถึงกับทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตเสียชีวิตกันเชียว หลายคนคงเคยโกรธใครสักคนมากๆๆจนปล่อยระเบิดไปหลายลูก แล้วรู้สึกว่าไม่น่าทำแบบนั้นเลย เพราะมันทำให้คุณดูไร้ประสิทธิภาพ เสียศูนย์และคอนโทรลอะไรไม่ได้เพราะการแสดงความโกรธในทางที่ผิด
“การวิจัยของดร.เทรวิส Bradberry ประธานกรรมการของ TalentSmart แสดงให้เห็นว่าไอคิวสูงทางอารมณ์ (ความสามารถในการรับรู้และประสบการณ์อารมณ์โดยไม่ปล่อยให้ความโกรธหรืออารมณ์ควบคุมพฤติกรรม) เป็นความสามารถที่สำคัญของคนที่ได้รับการยอมรับ หรือคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตนั่นแหล่ะ
การศึกษาของคนกว่าล้านคน พบว่ากว่า 90% ของคนที่มีความเชี่ยวชาญในการควบคุมอารมณ์และความโกรธ พวกเขาจะสงบแม้อยู่ภายใต้ความกดดัน พวกเขามีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของตนรวมทั้งความโกรธเมื่ออยู่ภายใต้ความเครียด
คนที่ควบคุมความโกรธได้ จะมีความสามารถในการโฟกัสเรื่องต่างๆได้ง่ายขึ้น กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม และมีความมั่นใจมากขึ้น แล้วพวกเขาฝึกอย่างไร พวกเขาฝึกดังนี้คะ
ในความคิดของพวกเขา
1. พวกเขายอมรับความโกรธ อย่างเป็นธรรมชาติและผ่องใส
เมื่อคุณตระหนักถึงความโกรธเป็นส่วนหนึ่งของอารมณ์ที่สำคัญ เมื่อหยุดกลัว คุณจะสามารถเริ่มต้นการจัดการได้ทุกเรื่องอย่างใจเย็นและสร้างสรรค์
2 พวกเขามุ่งเน้นไปที่ ‘ฉันหรือผม’ แทน
คนที่โกรธมักพูดว่า ‘คุณ’ ‘คุณ’ ‘ “คุณทำให้ฉันช้าลง’”หรือ “คุณยังส่งรายงาน” คำพูดแบบนี้จะทำให้เรื่องบานปลายและคนอยากปกป้องตัวเอง และไม่ยอมยืนอยู่ฝั่งเดียวกับคุณ ไม่อยากช่วยคุณ
แต่ถ้าคุณบอกว่า “ฉันไม่อยากล้าหลัง เพราะมันทำให้พวกเราทั้งหมดดูไม่มืออาชีพ” คนจะรู้สึกว่าคุณต้องการความช่วยเหลือ และอยากช่วยแก้ปัญหา
3 พวกเขาหลีกเลี่ยงการพูดและคิดในเชิงลบกับตนเอง
เมื่อคุณคิดแต่เร่องลบๆ และต่อว่าตัวเองคุณจะหมดพลัง แต่ถ้าคุณโอบกอดความไม่สมบูรณ์ของตัวเอง คุณมีแนวโน้มที่ต้องการปรับปรุงมากกว่า ที่จะนั่งถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต ทำไมต้องเจอเรื่องแบบนี้ คิดแบบนี้ เป็นเวลานานสามารถนำไปสู่ความเครียดและภาวะซึมเศร้า ใช้มุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นและสร้างสรรค์ของตัวเองและคุณจะประสบความสำเร็จมากขึ้นและมีความสุข
9 วิธีจัดการกับความโกรธ ของคนที่ประสบความสำเร็จ
ในที่ทำงาน:
ในที่ทำงานจะมีผลกระทบในทางลบต่อสุขภาพของเพื่อนร่วมงานและทำลายชื่อเสียงและความก้าวหน้าในอาชีพในอนาคตของคุณ ความโกรธที่บ้านก็สร้างความเสียหายให้ความสัมพันธ์ครอบครัว และผลกระทบสามารถทำลายการพัฒนาของเด็ก ถ้าแรงหรือแย่กว่านั้น คุณอาจถูกฟ้องหรือขึ้นศาล
5 พวกเขาไม่ยึดถือความเสียใจ
ความเสียใจ ใช้พลังงานและความพยายามมากมาย มันทำให้คุณเหนื่อยกว่าที่ควรจะเป็นและมันสะสมปัญหาหนักเกินความจริง จงเลือกที่จะสะสมความทุกข์ จงให้อภัยและลืม
4 พวกเขามุ่งเน้นไปที่ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ได้โฟกัสไปที่คน
การตั้งป้อมชี้นิ้วต่อว่าใคร มันกลับไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นหรือช่วยให้ปัญหาเบาลง เลิกบอกว่าใครทำ และทำไมทำผิด ให้ตั้งคำถามใหม่ว่าเราจะแก้ปัญหาแบบนี้อย่างไร และแก้ปัญหาแบบไหนที่จะทำให้เราก้าวไปอีกขั้น การนั่งพร่ำพูดถึงเหตุไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากทำให้บาดหมางซึ่งกันและกัน
6. พวกเขาไม่เคยส่งอีเมลหรือข้อความใดๆ ในขณะที่โกรธ
วิธีการที่คุณสื่อสารกับคนในที่ทำงานสามารถส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้าในอาชีพในอนาคตของคุณและอีเมล์เป็นบันทึกถาวรของการสื่อสารของคุณมีศักยภาพที่จะสร้างหรือทำลายอาชีพ
ดังนั้นถ้าคุณต้องการที่จะเขียนบางสิ่งบางอย่างร่างอีเมลหรือจดหมายไว้ แล้วอ่านหลายๆครั้ง และทุกครั้งให้ถามตัวเองว่าคุณจะได้อะไรจากการส่ง แน่หล่ะคุณได้ความสะใจ มันจะได้จบๆไป ทนมานาน แต่มันอาจจบจริงๆ และมันอาจทำให้คุณสูญเสียอะไรอีกมากมาย
ที่บ้าน:
7 พวกเขานั่งสมาธิ
การทำสมาธิจะช่วยให้คุณจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของความโกรธ การทำสมาธิปกติควบคุมระดับคอร์ติซอล นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่ม serotonin, ที่เรียกว่า ‘รู้สึกดี’ ฮอร์โมนที่สมดุลอารมณ์ของคุณและสามารถทำให้คุณตระหนักถึงความรู้สึกของคุณ
8. พวกเขาออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษ เพราะแก้ได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะหงุดหงิดกับโปรเจคที่คั่งค้าง ความคิดแย่ๆที่มันยังค้างมาและไม่เคลีย แถมช่วยเพิ่มระดับพลังงานและช่วยโฟกัส นักวิจัยยังพบว่ามันสามารถช่วยให้คุณจัดการความโกรธของคุณได้ดีอีกด้วย
9. พวกเขาเปลี่ยนสมอง จากสมองเครียดเป็นบันเทิง
การอ่านหนังสือ ดูหนังดีๆ หรือสารคดีเแนะนำเรื่องต่างๆของชีวิต ช่วยให้คุณมีทางออกโดยไม่มีความเสี่ยงของการทำร้ายใครและโดยไม่ต้องกลัวของการตัดสิน



หวังว่าคุณคงจะมองตัวเองกลับ แล้วบางที่เราอาจจะพอเข้าใจว่าคนรอบตัวที่ไม่ชอบเราอาจเป็เพราะเราเคยทำร้าเขาด้วยคำพูดอย่างข้อสองก็ได้ หรือเราเคยส่งข้อความแย่ๆ แบบข้อหก ดังนั้นจากวันนี้ไปค่อยๆเปลี่ยนลูกบอลที่เราโยนนนะคะ ถ้าเราส่งบอลที่มีแต่ความเมตตา ความเมตตาจะย้อนกลับมาหาคุณคะ
ถ้าสนใจแนวคิดแบบนี้ คุณต้องอ่านจงเห็นแก่ตัว พิมพ์ซ้ำครั้งที่ 2 พร้อมจำหน่ายให้คุณอีกครั้ง ในวันพรุ่งนี้ 3 กพ 2016
Share this Post