บทสัมภาษณ์ นิตยสารขวัญเรือน เปิดใจสนทนา กมลชนก ปานใจ เรื่อง สุขสร้างได้ ฉบับที่ 987 มกราคม 2556 (Issue 987 Jan 2013)
คอลัมน์ เปิดใจสนทนากับกมลชนก ปานใจ เรื่อง ‘สุขสร้างได้’
“สุขภาพดี อ่อนวัย สวยใส มั่นใจ มีรักที่มั่นคง และพลังใจเหลือล้น” คือคำจำกัดความที่ปู-กมลชนก ปานใจ เขียนไว้เกี่ยวกับตัวเองในหน้าเฟซบุ้คของเธอ

ผู้หญิงคนนี้เคยได้รับตำแหน่งรองสาวแพรว เคยเป็นนางแบบ เป็นนักแสดง หลายคนจดจำเธอได้ในฉายานางแบบน่องทอง ด้วยเรียวขาเพรียวสวย แต่หลังจากแต่งงานเธอก็หันหลังให้กับวงการบันเทิง ไปทำงานในแวดวงธุรกิจอยู่พักหนึ่ง และได้รับรางวัลนักธุรกิจสตรีแห่งปีมาครอง เมื่อปี 2539
นอกจากนี้เธอยังเป็นนักเขียนอิสระ เป็นคอลัมนิสต์ในนิตยสารชั้นนำ เขียนทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง สุขภาพ ท่องเที่ยว รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจ
กมลชนกเชื่อเสมอว่า “ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้” เธอจึงเรียนรู้ที่จะทำอะไรหลายอย่าง และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อความสุขในชีวิต แถมยังส่งต่อความคิดดี ๆ ไปยังคนรอบตัว รวมทั้งในการสัมภาษณ์ครั้งนี้อีกด้วย

-ไม่ทราบว่าช่วงนี้งานหลักๆ ของคุณปูมีอะไรบ้างคะ
หลักๆ ตอนนี้คือมุ่งไปที่การเรียนปริญญาโท คณะเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ถ้ามีใครติดต่อมา แต่ต้องพลาดเรียนจะพยายามไม่รับเลย ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่ต้องค้นคว้า ก่อนที่จะตัดสินใจลงเรียน ก็ยกเลิกงานในหลายๆที่ไป เพราะกลัวจะทำได้ไม่ดี ตอนนี้เหลือเขียนอยู่คือคอลัมน์ ‘จันทร์…เป็นใจ’ ใน M2F เพราะว่าเป็นหนังสือแจกฟรี อยากให้เข้าถึงกลุ่มที่ไม่ค่อยเสียเงินซื้อหนังสือด้วย ถือเป็นการให้จริงๆ อยากทำ แบบนี้ยอมแบ่งเวลาให้ได้

-ห่างหายจากการเรียนแบบเป็นทางการนานไหม
นานมาก แม้กระทั่งพ่อยังแปลกใจว่าเราไปเรียนหนังสือเหรอ เด็กคนที่ไม่มีศรัทธาไปโรงเรียน แต่กลับอยากไปเรียนเอง ตอนเด็กๆได้เกรด 2 กว่าๆ จากเด็กศิลป์มาเรียนวิทย์ ในสาขาที่เราไม่เคยมีพื้นฐานเรากลับทำคะแนนได้ถึง 3.8 พ่อยิ่งแปลกใจว่าทำได้ ความลับของกมลชนก คือทำอะไรก็ได้ที่เรารัก เราก็จะทำได้เพราะเราจะหาวิธี บางชั่วโมงตื่นเต้นมากอยากรู้ว่าอาจารย์จะสอนอะไร เหมือนนั่งดูรายการสารคดีเรียนเสร็จก็กลับบ้านไปค้นเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะเป็นสิ่งที่เราชอบ อยากรู้ บางอย่างน่าสนใจมากๆก็โพสท์เลยที่หน้าวอลล์เฟสบุ๊ค

-กิจวัตรประจำวันของคุณปูเป็นอย่างไร
หลากหลายมากคะ แต่โดยปรกติ Routineบางอย่างที่เหมือนกันแทบทุกวัน คือตื่นประมาณ 6-7โมง ตื่นแล้วก็มาทำออยพูลลิ่ง แล้วทานอะไรเบาๆอย่างลูกเดือยหรือถั่วเขียวต้มน้ำตาล แล้วออกกำลังกาย อย่างสัก 40 นาที แล้วก็ทานข้าวอาหารเช้า แบบราชาคะ เที่ยงทานข้าวกลางวันปกติ อนุโลมให้กินคาร์โบไฮเดรตได้ เพราะทำให้เราสดชื่น ระหว่างวันดื้มน้ำอย่างน้อยหนึ่งแก้วทุกชั่วโมงคะ แต่อย่าดื่มช่วงที่อาหารต้องย่อยคือก่อนและหลังอาหาร เดี๋ยวจะเป็นกรดไหลย้อนนะคะ ร่างกายต้องการน้ำ จำเป็นอย่างมากสำหรับสมองและะบบภายใน ร่างกายเราต้องการน้ำมาก แต่คนเราไม่รู้เลยว่ามันเป็นทริกง่ายๆที่ทำให้สุขภาพดีโดยไม่ต้องทานยา คนเป็นไมเกรน คิดอะไรไม่ออก ทำไมขี้หลงขี้ลืม เพราะคุณไม่มีน้ำไปหล่อเลี้ยงร่างกาย น้ำสำคัญ ไขมันก็สำคัญและบางคนไม่ยอมกินไขมัน ไขมันที่ว่าคือไขมันดี เช่นน้ำมันปลา เซลล์ทุกเซลล์เรียงกันอยู่ และระหว่างเซลล์มีน้ำมันหล่อเลี้ยง
แหมร่ายยาว ถามสั้นนิดเดียว (หัวเราะ) หลังจากนั้นก็ทำโน่นนี้ไปตามเรื่องและเข้านอนประมาณ 3ทุ่มครึ่ง 4 ทุ่ม แต่เมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้ เละเทะ แย่มาก ตื่นบ่ายโมง ตี 4 ตี 5 ยังไม่ได้นอน เพิ่งเปลี่ยนตอนอายุ 37 ค่ะ เปลี่ยนทุกอย่าง

-การเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิต สำหรับคุณเกิดขึ้นด้วยความรู้สึกอะไร
รู้สึกเบื่อผิดหวังกับตัวเอง รู้สึกสุขภาพแย่ อารมณ์เสียเหมือนคนวัยทองทั้งๆที่ยังไม่แก่ หงุดหงิดกับทุกเรื่อง ตอนแรกไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไร แต่เริ่มจากวันนึงหงุดหงิดมาก เลยเดินออกจากบ้านไปตอนเช้า กลับมาอีกทีหลายชั่วโมงถัดไป เหนื่อยมาก แต่รู้สึกดี สดชื่น อารมณ์ดี เลถามตัวเองว่า อยากเปลี่ยนมีความรู้สึกดีๆไหม พอตอบว่าใช่ ก็หักดิบกับทุกเรื่องคะ ไม่มีข้ออ้าง ถ้าสิ่งที่จะเปลี่ยนดีกว่าที่เป็น
สิ่งที่เปลี่ยนคือทำทุกวันให้ดีที่สุด กินอาหารดี ดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี รักตัวเองก่อนรักคนอื่น ก่อนหน้านั้นเป็นคนนอนดึก ตื่นสาย กินเค้กช็อกโกแลตเป็นปอนด์ ๆ กินน้ำหวานใส่น้ำเชื่อมประมาณ 8-9 ถ้วย ติดหวานมาก แล้วก็หน้าแก่ขึ้น เหี่ยวมาก คือเมื่อก่อนไม่เมีความรู้ พอเห็นความแตกต่าง ก็รู้สึกว่าเราเริ่มช้าไป เกือบสี่ิบเนี่ยนะ มันต้องมีวิธีเร่งสิ ค้นหมดเลยคะ จะไม่แค่ออกกำลังแบบมั่วๆ แต่ออกกำลังให้ถูกวิธี บางคนเดินทุกวันไม่เคยหุ่นดี เราไม่มีเวลาพอที่จะเสียโอกาสคะ เพราะถ้าปล่อยตัวมันไป กู่กลับมาได้ แต่ยากขึ้น พอเริ่มค้นหาความรู้ เลยรู้ว่าน้ำตาลทำให้เราแก่ ทำให้เรานอนดึกขึ้น แถมเป็นหนึ่งในอาหารสำคัญของมะเร็ง เลยเห็นคนหวานน้อย หวานพองาม หวานมากก็เลี่ยน (ยิ้ม)
พอลองเปลี่ยนเรื่องการกินการอยู่ ทำไปสัก 3-4 เดือน เพื่อนไม่ได้เจอกันเกือบปีมาเจอ ตกใจมากว่าเราไปทำอะไรมา เราก็อืม… ฉันแค่เปลี่ยนวิถีชีวิต เห็นผลชัด ร่างกายสะอาด หน้าตาสดชื่น แววตาก็สดชื่น

-นอกจากเปลียนวิถีชีวิตแล้ว เรื่องทัศนคติอย่างอื่นก็เปลี่ยนด้วยไหม
ใช่คะ เมื่อก่อนมองเห็นแต่ปัญหา เอาแต่ปัญหาเล็กๆมาขบคิด ให้ความสนใจแต่กับเรื่องแย่ๆ วันที่บริหารการกินอยู่ ร่างกายคงสมดุลย์ขึ้น เลยคิดว่าถ้าเราเลิกโฟกัสเรื่องแย่ๆ แล้วหันมามองเรื่องดีๆแทน หรือมาจัดการทำเรื่องแย่ๆให้เป็นเรื่องดีๆ เคยรู้สึกเหมือนกันว่าหาอะไรไม่เจอ สับสน สุดท้ายก็แค่ตัดเรื่องยุ่งๆในชีวิตออกให้หมด เหลือแต่เรื่องที่เราสุข ไม่ใส่ใจว่าใครเขาทำกัน เขาดูกัน เขาใช้กัน ช่างเขาปะไร
ล่าสุดไปเจอวีดีโออันหนึ่ง เจ๋งมากเลย เขาตั้งคำถามว่า “ What if money did not matter? ” คือถ้าเงินไม่สำคัญที่สุด คุณจะทำอะไรกัน บางคนบอกว่า อยากเป็นศิลปิน อยากเป็นโน่นนี่นั่น ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปสิ คือให้คิดซะเลยว่าวันนี้เงินไม่สำคัญ แล้วอะไรที่เรารัก เราจะทำอย่างที่รักให้มันสำคัญ อย่างบางคนชอบปีนเขา เขาตัดสินใจเลยว่าจะเรื่องปีนเขา ในที่สุดเขาเป็นบก.หนังสือปีนเขาอันดับหนึ่งของโลก ชีวิตไม่ได้มีแพทเทินอย่างเดียวกันสักหน่อย แล้วสารคดีนี้บอกว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำอะไรที่ชอบ เราจะทำมันได้ดี
ชีวิตเราคือตัวเรา ไม่ว่าคุณจะแต่งงานกับใคร แม้กระทั่งคุณมีลูก คุณก็ต้องมีชีวิตของตัวเอง คุณต้องมีความสุขได้ด้วยตัวเอง ยังเรื่อง positive รอบตัวที่คุณมีความสุขได้ เห็นนกเห็นใบไม้ ยังแอบยิ้มคนเดียว ใครจะว่าบ้าก็ช่างเขา เขาสุขอย่างเราไม่ได้ นั่นสิที่น่ากลัว

-จากภาพลักษณ์ภายนอกดูคุณเป็นผู้หญิงที่มั่นใจมาก ความมั่นใจนี้มีมาตั้งแต่ยังเด็กเลยหรือเปล่า
ตรงกันข้ามเลย ตอนเด็กเป็นคนขี้อายมาก เอาเป็นว่าม .1 โตมีวุฒิภาวะประมาณหนึ่งแล้ว จะไปกินข้าวยังต้องเดินอ้อมชั้นสอง เพื่อไปกินร้านริม ๆ และไม่กินร้านกลางๆ กลัวเดินแล้วคนมอง ต้องไปกินร้านริมซ้ายกับริมขวา เพราะเป็นจุดที่คนมองเราน้อยที่สุด ไม่ต้องอยู่ในสายตาใคร

-ขี้อายแบบนี้ แต่งานเขียนช่วงแรก ๆที่สร้างชื่อ ของกลับเขียนถึงความสัมพันธ์ของชายหญิงแบบผู้หญิงนอกกรอบ
ประสบการณ์และความเป็นคนช่างสังเกตสอนมั้งคะ ความเป็นคนขี้อายและถูกสอนให้รู้ทันผู้ชาย เลยไม่ค่อยไว้ใจคนที่่เข้ามาจีบ ไม่รู้ว่าเขาหวังผลอะไรบ้าง กลายเป็นถ้าชอบใครต้องจีบเอง เลยถูกมองว่าเปรี้ยวมาก จำได้มีงานหนึ่ง ต้องคนที่ไปงานนายแบบประมาณสองสามคนเป็นแฟนเรา แต่ไม่มีใครรู้ เรียกว่าเก็บความลับเก่งมาก เจ้าชู้เงียบ เนียนมาก เพื่อนเรายังไม่รู้เลย ไม่มีข่าวฉาวในวงการ ไม่จำเป็นต้องเป็นข่าว ไม่อยากมีชือแบบนี้คะ พอโตขึ้น ใครเจ้าชู้ถูกเราจับได้หมด แหมคุณขา เคยทำมาแล้วทั้งนั้น อย่ามาอำ ความที่เป็นผู้หญิงเฟลิร์ตมาก เลยใช้ชีวิตเหมือนเกมส์ เพื่อนผู้ชายบางคนเรียกเรา Female bad girl สนุกในการที่รู้ว่าใครชอบอะไร เราก็ชอบเล่น แต่ตอนนี้ simple มาก คนละขั้วกับยายคนนั้นเลย พอเห็นชีวิตมากขึ้นพยายามเลิกใช้ชีวิตแบบขาวหรือดำ เทาบ้างก็ได้ กล่อมให้ตัวเองอยู่ตรงกลาง ไม่ซ้ายหรือขวามากไป

-อยู่ในวงการบันเทิง วงการนางแบบ คนมักบอกว่าได้เงินมาเร็วและมากกว่าการทำงานอาชีพอื่น สำหรับตัวคุณเองการหาเงินมาได้เยอะ ทำให้ใช้เยอะตามไปด้วยไหม เรื่องการใช้เงิน พ่อสอนเสมอว่า ฉันไม่มีเงินให้เธอมากหรอกนะ อยากได้ต้องหาความรู้ ความรู้จะนำให้แกไปทำอะไรก็ได้ในโลกนี้ ดังนั้นถ้าอยากได้อะไรที่เกินเรื่องเรียน ก็ต้องทำเองหาเอง อยากได้ชุดสวย ๆ ต้องตัดเอง ก็ไปหาหนังสือแพทเทิร์นมาตัดตาม เริ่มโดยใช้แม็กเย็บกระดาษ ข้างนอกสวยมาก แต่ข้างในเย็บแม็กเต็มเลย แต่ไอเดียบรรเจิดมาก ไม่ใช้เงินทองฟุ่มเฟือย อย่างแบรนด์เนมจะใช้ก็ต่อเมื่อ แบบมันถูกชะตามาก ไม่สามารถไปเย็บก๊อปปี้ได้เลย และถ้าใส่เสื้อตัวนี้ เราต้องสวยขึ้นเลย แต่ก็จะมีคำถามสุดท้ายเสมอว่า จำเป็นไหม แต่คนที่ออกงานบ่อยๆนี่เข้าใจเขานะ เราไม่เคยตัดสินใจ ถ้าคุณมีเงินเกินจำเป็น แล้วความสุขอย่างเดียวที่คุณคิดออกคือซื้อเบรนด์เนม ก็ทำเลย ดิฉันชื่นชมคนเก่งทุกคน ที่ช่างออกแบบคิดงานมา เราต้องให้เขา แต่ถ้าคุณอยากได้ยังขอเงินพ่อแม่ใช้ สิ่งที่คุณจะซื้อมากกว่าเงินเดือนคุณรวมกันอีกแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ต้องพิจารณาตัวเองด่วน

-ความรู้หลาย ๆ อย่างที่คุณนำมาใช้ ส่วนใหญ่มาไหนคะ เห็นที่บ้านมีหนังสือเต็มเลย มาจากหนังสือใช่ไหมคะ
ชอบอ่าน ชอบหาคำตอบ รู้สึกตัวเองโชคดีที่อยู่ในโลกที่อะไรง่ายขึ้น จำได้ไหม สมัยนึงอยากรู้อะไรต้องนั่งรถไปถึงหอสมุด เดียวนี้ทุกหนังสือหรือความรู้อยู่แค่ปลายคลิ๊ก แต่เสียดายที่คนเสียเวลาไปเล่นเกมส์ อ่านซุบซิบดารา ดูหนังไร้สาระ ที่เสียใจมากที่ไม่ค่อยเห็นเด็กไทยอ่านหนังสือ เวลาไปต่างประเทศ เห็นเด็กนั่งอ่านหนังสือ แล้วปลื้มแทน เวลาคนถามว่าทำไมคุณถึงรู้เรื่องโน้นเรื่องนี้เยอะจัง ตอบว่าเพราะฉันดูทีวีน้อยลง อ่านหนังสือมากกว่า เสียเวลาให้คนอื่นน้อยลง แต่เสียเวลาดูโลกทั้งใบในสารคดีมากขึ้น

-เห็นมีทีวีในบ้าน แต่ไม่ค่อยเปิดดูหรือคะ
ไม่ค่อยดูรายการทีวีค่ะ ไม่ไหว ไม่ใช่แนว ไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขามีรายการอะไร ละครอะไรดัง ๆ ทีวีเอาไว้ดูสารคดี ชอบดูสารดคี Home สารดคีทำให้รู้จักชีวิตแต่ละชีวิต ถ้าเรารู้ว่าชีวิตแต่ละชีวิตมีธรรมชาติแบบนี้ รู้ไหม chemistry ผู้ชายเวลาเจอใครใหมๆ่ เขาจะหลั่งสาร ๆตัวหนึ่งขึ้นมา สารตัวนั้นเมื่ออยู่ใกล้ๆ ผู้หญิงคนไหนก็จะทำปฏิกริยากัน ถ้ารู้ซะก่อน เวลาที่เรารู้สึกเริ่มย้วย เราก็จะรู้ตัวทันทีว่าเพราะสารตัวนั้นนี่น่า เราก็จะยับยั้งช่างใจไว้ ชอบดูหนังประกวดของต่างประเทศ เพราะ เรื่องราวของเขามีมากกว่า แค่อิจฉา ริษยา หรือรักแบบไม่มีเธอ ฉันตายแน่ บ้านที่ใช้ถ่ายทำให้เราเชื่อได้ ว่าจริง มีหนังสือระเนระนาด มีป๊อบคอร์นตกอยู่ มีเสื้อผ้าทิ้งไว้ตามที่ เวลาเขาแสดง มันทำให้เราเชื่อว่าคู่นี้เป็นสามีภรรยากัน เขาตื่นมา หน้าผมเป็นโทรมจริงๆ ไม่ใช่เหมือนละครไทย ที่ตอนหลับอยู่ปากยังแดง แม้กระทั่งเดี๋ยวนี้เจอคนโพสต์เฟซบุ้ค หลับแล้วนะ แต่หน้าโบ๊ะสุด ๆ เอิ่ม.. จะนอนจริงเหรอ

-คุณยึดหลักอะไรในการใช้ชีวิต
ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ หลายอย่างในชีวิตที่ผ่านมา ที่เคยทำ ไม่ว่าจะออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาก่อสร้าง เป็นนักธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอาง เราไม่ได้เรียนมาโดยตรง แต่เรียนรู้ และทำมันได้ ซึ่งจริงๆ แล้วมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดสำหรับปูคือสามี ปูไม่เคยเรียนออกแบบอะไรทั้งสิ้น แต่เวลาที่ต้องไปรับงานกับสามี ซึ่งตอนนั้นเราทำรับเหมาก่อสร้าง ทำได้หมด แล้วพอมาทำบ้านตัวเอง ก็จะปั้นปูนให้เป็นตัวปั้นสวยๆ ช่างบอกว่าทำไม่ได้ ทำไม่ได้ใช่ไหม เอาปูนมา เราลงมือทำเองเลย ทำเสร็จก็เป็นตัวปั้น ๆ สวย ๆ นี่ไงทำได้ ก็ให้เขาลองทำแบบที่เราทำน่ะ แต่ตอนยืนดูเขาทำตามแสบมือมาก ปูนมันกัดจนแสบ แค่บอกตัวเองทุกวันว่ามันทำได้ ในโลกนี้อะไรก็ทำได้หมด

-สามีคุณนับเป็นคนพิเศษคนหนึ่งที่สามารถสร้างมหัศจรรย์ให้ชีวิตได้
มากๆ เลยค่ะตอนเขาอายุ 20 มีเฟอรารี่ โดยที่ไม่ใช่คนรวย ชีวิตของเขาพ่อไปฝากงานครั้งแรกให้ที่บริษัทของเพื่อน ซึ่งเป็นบริษัทสูบส้วม ต้องไปทุกบ้านที่มีส้วมเหม็น ๆ เขาต้องเอามือไปกอบทุกอย่าง สูบทุกอย่าง ตอนนั้นเขาโกรธพ่อมากที่ให้ไปทำงานอย่างนี้ แต่เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้จากงานสูบส้วม ทำให้เขาได้รถมอเตอร์ไซด์ดีๆ หนึ่งคันจากงานั้น และก็ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนเขาเป็นนักกีฬาฟันดาบทีมชาติฝรั่งเศส แต่วันหนึ่งชีวิตเปลี่ยน ประสบอุบัติเหตจนขาหัก คุณหมอวินิจฉัยว่าจะเดินไม่ได้ตลอดชีวิต แต่สำหรับสามีไม่มีใครเป็นพระเจ้านอกจากตัวของเขาเอง ไม่มีพระเจ้าองค์ไหนชี้บอกว่า คุณต้องพิการและทำอะไรไม่ได้ตลอดชีวิต เขาบอกหมอบอกว่าผมเชื่อปาฏิหาริย์ หมอหาวิธีใดๆก็ได้ ที่จะทำให้ผมเดินได้ แล้วหมอกับผมจะทำให้เกิดปาฏิหาริย์ด้วยกัน แล้วในที่สุดเขาก็เดินได้ แถมตอนที่นอนบนเตียงเขาเรียนจบจนเป็นด็อกเตอร์ สามสาชา สามใบ
เดี๋ยวนี้พยายามบอกกับทุกคนให้ฝึกเรื่องของใจ เรื่องของวิธีคิด อย่างเขียนหนังสือเรื่องฟิตแอนด์เฟิร์ม ใน21วัน ที่ออกไปเมื่อกลางปี 55 เป็นหนังสือเกี่ยวกับแนวคิด ให้เราเปลี่ยนบางอย่างที่เราไม่เคยทำ เพราะการที่เรายังไม่เคยทำอะไรสำเร็จ อาจเพราะทำแบบเดิมๆ ตลอด มันก็เลยไม่สำเร็จ ลองเปลี่ยนวิธีคิดหรือเปลี่ยนวิธีทำดูบ้าง เริ่มจากหัดฝึกรักตัวเอง

– ทราบว่าอีกอย่างที่คุณชอบคือการเดินทาง
ชอบมากค่ะ และชอบถ่ายรูปด้วย ชอบเห็นโลกด้วยตาของเรา เห็นชีวิต เห็นมุมมองใหม่ๆที่แปลกไปจากที่เราเคยเห็น เราก็ประทับใจ คนที่มีความสุขกับสิ่งง่าย ๆ เก็บรายละเอียดเล็กมาจดจำ เช่นเห็นคนออสเตรเรียก้มเก็บขยะที่พื้นใส่กระเป๋าเอาไปทิ้ง คนเนปาลไม่ทำร้ายป่า เขาจะเก็บแต่กิ่งไม้แห้ไปใช้ เห็นคนทิเบตว่าสงบ เย็นและเป็นสุข ถึงแม้จะจนมากและบางคนต้องพลัดพลาดจากถิ่น เห็นคนจีนว่าเป็นนักสู้ เห็นคนญี่ปุ่นว่าเป็นคนรับผิดชอบ เห็นคนฝรั่งเศสว่าสวยงาม ซับซ้อน คนอิตาลี จิตใจแข็งแรง คนรัสเซียคือผู้รอดชีวิต และอื่นๆอื่นอีกมากมาย เห็นแล้วรู้เช่นเห็นชาติว่าคนที่นิสัยเสียในบ้านเรายังไม่พัฒนาความคิด ยังเห็นแก่ตัว ยังับคบ แต่ไม่ได้เสียใจ แค่ปลงและเข้าใจ ชอบที่ได้เก็บภาพสวยๆ ทั้งที่จะเอาไปทำอะไรก็ไม่รู้ แต่ไม่เคยลังเลที่จะถือกล้องเดินไปในโลกกว้าง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ทำในสิ่งที่รักมักถูกต้องเสมอ

– แล้วเดินทางในรูปแบบไหนคะ
ไหลายรูปแบบคะ ตั้งแต่ 7 ดาวถึงแบบแบ็คแพค คนเดียว หรือคนรู้ใจ อย่างตอนไปนิวซีแลนด์ก็ขับรถบ้านเที่ยวตามที่ต่างๆ และเพิ่งรู้ว่าการเป็นยิปซีเจ๋งจัง อย่างน้อยที่สุด ไม่ต้องย้ายกระเป่า บรรยากาศเปลี่ยนไปเรื่อย อย่างวันนี้ได้นอนริมทะเลสาป พรุ่งนี้ได้นอนริมเขา มะรืนนอนริมทะเล

– มีอะไรที่อยากลองทำอีกบ้างในชีวิตนี้
ที่อยากทำมาก ฝันไว้นานแล้วคือ ทำหนังอินดี้ แล้วได้ไปเดินบนพรมแดงในเทศกาลหนังเมืองคานส์ และอีกอย่างอยากไปอยู่เมืองที่คนมีความเป็นศิลปินสูง

– คุณให้ความหมายกับความสุขว่าอย่างไร
ความสุขคืออะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่า ใช่ หรือพอดี หรือปิติ เต็ม อิ่ม บางทีเราแค่เดินกับคนรัก แล้วจูงมือกัน รู้สึกว่าดีจังเลยนะ เรารักกันพร้อมกันเลย แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว คือบางคนเขารักใครสักคน แล้วคนนั้นไม่รักตอบ ก็ไม่ใช่สุข แต่บางคนไม่รู้ตัวว่า การที่มีกันและกันมีค่า บางคนไม่รู้ค่า มีอะไรเยอะแยะ ก็ยังไม่พอ ยังไม่เต็ม มีรองเท้าเป็น 3 ห้องนอน ยังไม่มีความสุข เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้ค่าของวินาที ณ ตรงนั้น มีความสุขเสมอ รู้ค่าของความรักที่มี ค่าของสิ่งที่ได้ รู้ค่าของรอยยิ้มที่มีหรือได้เห็น เพราะฉะนั้นก่อนจะนอนลงทุกวัน ถามตัวเองว่า วันนั้คุณสุขไหม ถ้าอึดอัดใจไปทุกวันเดิมๆทุกวัน คุณต้องเปลี่ยนแล้ว

– อยากบอกอะไรกับคนอ่านบ้างคะ
อย่ามัวแต่บอกว่ายังไปเที่ยวไม่ได้ เพราะติดงาน ออกกำลังไม่ได้ เพราะยังต้องเลี้ยงลูก ยังเรียนเต้นรำไม่ได้ เพราะสามีว่าไม่จำเป็น เรียนงานปั้นไม่ได้ เพราะพ่อแม่ไม่ชอบ ผอมไม่ได้ เพราะ ที่กลุ่มอ้วนกันหมด กุญแจของความสุขควรจะอยู่ในกระเป๋าคุณนะคะ และคุณควรจะเป็นคนที่ไขกุญแจไปหาความสุขได้ด้วยตัวคุณเอง ไม่ต้องไปฝากไว้ที่กระเป๋าของใครคะ มันควรอยู่ในกระเป๋าคุณนะคะ จงดูแลและรักตัวเอง เหมือนดังที่คุณดูแลลูกของคุณเอง อย่าทำร้ายตัวเองไปวันๆ หรืออย่าให้ใครมาทำร้ายคุณ หรือทำร้ายความรู้สึกของคุณ รักตัวเองซะบ้าง คุณก็มีสิทธ์ที่จะถูกรักหรือเอาใส่ใจเช่นกัน ทำเพื่อใครๆมาเยอะ หันกลับมาทำให้ตัวเองซะบ้างเถอะนะ.

เรื่อง นุดา ภาพ ทามม์







Share this Page

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.