จงสะสมช่วงเวลา

สิบปีก่อนดิฉันเป็นสาวช่างซื้อ โดยเฉพาะรองเท้าและกระเป๋า ซื้อจนไม่มีที่เก็บในที่สุดต้องยอมสละห้องหนึ่งห้องเพื่อเก็บรองเท้า แต่มันกลับเป็นแค่ความสุขชั่วครู่ ดิฉันยังใส่ไม่ครบเลย บางครั้งยังอยู่ในกล่องอย่างดี จนปีนึงดิฉันอ่านสัมภาษณ์ของคนนึง เขาว่าเขาไม่มีของสะสม เขาสะสมแค่เงิน ดิฉันคิดว่าเป้นแนวคิดที่ฉลาดไม่เบา

มีครั้งนึงดิฉันต้องย้ายไปต่างประเทศด่วนมากๆและคิดว่าคงยังไม่กลับมา จึงต้องขายทุกอย่างที่มีให้เสร็จภายในะยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าคู่สวย กระเป๋าใบงาม หรือเฟอร์นิเจอร์ที่มีดิฉันต้องตัดใจขาย ประหนึ่งให้ฟรี สะอื้นในใจ เสียดายเงิน เสียดายของ สิ่งที่ดิฉันเรียนจากช่วงเวลานั้นคือเราไม่ได้เป็นเจ้าของอะไร และดิฉันจะใช้ของเท่าที่พอ และจะบริจาคของทุกปี ถ้าของเหล่านั้นไม่เคยหยิบมาใช้เกินครึ่งปี ชีวิตของดิฉันจากนั้นง่ายขึ้น สบายขึ้น มีความสุขขึ้น

บ่อยครั้งที่น้องๆที่รู้จักถามมาว่า พี่ปูขารายการนั้นรายการนี้จะขอสัมภาษณ์เนื่องด้วยเหตผลว่าพี่สะสมอะไรบ้าง พี่มีอะไรสะสมไหม รองเท้า กระเป๋าไหม จิวเวอรี่ไหม ดิฉันก็ว่าไม่มีไม่สะสม และก็ไม่เห็นว่าใครจะได้ประโยชน์จากการดูรายการนั้น แล้วดิฉันก็แอบถามตัวเองว่าเธอจะไม่สะสมอะไรจริงๆเหรอ สะสมความรู้ไง สะสมประสบการณ์ไง และที่สำคัญที่สุด สะสมช่วงเวลา ช่วงเวลาดีๆในชีวิต เป็นสิ่งที่มีค่ามากๆ

ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ไม่มีใครจดจำวันที่ใส่รองเท้าคู่สวย แต่คนกลับจดจำช่วงเวลาที่ทำให้คุณอมยิ้มแบบไม่รู้ตัว ทำให้คุณร้องไห้ด้วยความยินดี ช่วงเวลาที่เธอและเขาบอกรักกัน ช่วงเวลาที่นั่งมองและฟังธรรมชาติที่ทะเลสาบสวย อย่างรูปนี้ เรื่องแบบนี้ต่างหากที่ดิฉันสะสม ช่วงเวลาที่ทำให้ดิฉันอมยิ้มแบบไม่รู้ตัว ช่วงเวลาที่ดิฉันได้กลิ่นฝน ช่วงเวลาที่ได้เดินท่ามกลางความเขียวขจี หรือช่วงเวลาที่ยืนบนยอดเขาแล้วมองกลับลงไปด้านล่าง เรื่องแบบนี้ต่างหากที่ควรค่าแก่การสะสม จากนั้นดิฉันบอกกับตัวเอง จงสะสมช่วงเวลา ไม่ใช่สิ่งของ

คุณมีช่วงเวลาดีๆบ้างไหมคะ เล่าให้ฟังบางนะคะ ว่าช่วงเวลาไหนที่คุณนึกถึงทันทีที่อ่านข้อความนี้จบลง

Collect moments not things

<<Back
Next>>

Share this Post

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.