วันก่อนได้ยินเรื่องนึงชายหน่มคนนึงเดินทางออกจากบ้านแล้วบอกแม่ของเขาว่าจะกลับมาเมื่อสำเร็จ แต่แล้วจนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เคยได้กลับบ้าน ชีวิตของเขาไม่เคยดีขึ้นกว่าเดิม คิดถึงแม่ใจจะขาดแต่เพราะสัญญากับตัวเองว่าต้องกลับไปในวันที่สำเร็จ เพื่อให้แม่ได้ภูมิใจ แล้ววันนึงเขาเดินสวนกับคนแถวบ้านแม่ เขาถาม “เอ็งหายไปไหน เอ็งรู้ไหมว่าแม่เอ็งเขาบ่นถึงเอ็งตลอด นี่ไม่ได้กลับบ้านกี่ปีแล้วเกือบสิบปีใช่ไหม” “ใช่ครับ” เขาตอบพร้อมก้มหน้าเลี่ยงการสบตา “แม่เป็นอย่างไรบ้าง”
“นี่เอ็งไม่รู้ข่าวเลยใช่ไหม แม่เองเขาป่วยหนักเมื่อหลายปีก่อน นั่งรอเอ็งแล้วก็บอกทุกคนในหมู่บ้านถ้าเจอเอ็งฝากบอกด้วยว่าแม่คิดถึงมากและรักเอ็งที่สุด” “งั้นฝากบอกแม่ด้วยนะครับ ว่าผมก็รักแม่ที่สุด” เขาตอบพร้อมก้มหน้า หลบสายตาครานี้นำ้ตาคลอเต็มเบ้าตา เขาอยากไปเยี่ยมแม่เหลือเกิน แต่แม่ต้องเห็นเขาตอนเขาสำเร็จ ชายหนุ่มส่ยหัวพร้อมตอบว่า “คงจะไม่ได้กระมัง แม่เอ็งเสียไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา”
ฟังเรื่องนี้เลยนึกถึงนิทานอีกเรื่องนึง ต้นไม้แก่กับเมฆก้อนน้อย ต้นไม้แก่ ขอฝนจากเมฆก้อนน้อย เมฆก้อนน้อยตอบเพียงว่า น้ำฝนมีอยู่น้อย กลัวว่ามันคงจะไม่พอให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ วันต่อมา เมฆก้อนน้อยก็ยังคงบอกเช่นเดิม มันน้อยไป จึงไม่พร้อมที่จะให้ เมฆก้อนน้อยจึงเดินทาง และพยายามสะสมฝน เพื่อที่จะให้มันมากพอ พอที่จะทำให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ
เมื่อมีปริมาณมากพอ เมฆน้อยจึงกลับมา แต่สิ่งที่พบข้างหน้า มีเพียงซากต้นไม้แก่ที่ตายแล้ว เมฆน้อยได้แต่ร้องไห้แล้วถามว่าทำไม
ความพยายามของฉัน ไม่มีค่าเลยเหรอ ชายหนุ่มที่นั่งใต้ต้นไม้จึงได้แหงนหน้า แล้วบอกเมฆน้อยไปว่า “การที่เราจะให้อะไรแก่ใครสักคนที่เรารัก มันไม่ต้องรอให้มากพอหรือรอความพร้อมอะไรหรอก ให้เท่าที่มี ก็ทำให้คนรับชื่นหัวใจได้ความพยายามเป็นสิ่งที่ดี แต่มันก็มีเวลาเป็นเงื่อนไขนะ
อย่าไปรอให้รวย ถึงจะทำอะไรให้คนที่เรารัก อย่าไปรอให้พร้อม ถึงจะทำอะไรให้คนที่เรารัก เพราะคนที่เรารัก อาจไม่มีเวลามากพอที่รอเรา ” แล้วก่อนที่ต้นไม้แก่จะจากไป เขาฝากบอกเธอไว้ว่า ถ้าเห็นเธอผ่านมา ให้บอกเธอว่า เขารักเธอ
เมฆน้อยได้แต่หลั่งน้ำตาออกมาเป็นเม็ดฝนอย่างไม่ขาดสาย ให้กับต้นไม้ที่ไม่มีวันแตกใบให้ได้เห็นอีกต่อไป ตลอดกาล
Share this Post