ทางเลือกง่ายๆ 7 ทางในการจัดการกับมนุษย์เจ้าปัญหา
ศิลปะในการจัดการกับมนุษย์เจ้าปัญหา
โดยไม่คำนึงถึงอายุของเราหรือสถานภาพทางสังคมของเรา มันจะมีมนุษย์เจ้าปัญหาบางพวกข้างนอกที่ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าคอยที่จะระรานและดูแคลนเรา บางครั้งพวกเขาทั้งหลายก็คือเพื่อนร่วมงานของเราที่ทำงาน บางครั้งพวกเขาทั้งหลายก็คือคนที่เป็นเพื่อนบ้านเรา บางครั้งพวกเขาทั้งหลายคือพวกเด็ก ๆ ที่เล่นที่สนามเด็กเล่น
และแค่พวกมนุษย์เจ้าปัญหานี้ที่มีอยู่ในโลกใบนี้เสมอๆ ดังนั้นเราก็จะต้องใช้อำนาจของเราเพื่อที่จะเลือกว่าเราจะตอบสนองต่อพวกเขาทั้งหลายนี้อย่างไร เราจะปล่อยให้พวกเขาทั้งหลายเกิดความเจ็บปวดโดยพวกเราเอง? หรือเราจะเลือกที่จะเปลี่ยนความเจ็บปวดนั้นไปสู่การเปลี่ยนแปลงและเข้มแข็งขึ้นของตัวเรา? เราจะปล่อยให้พวกเขาทั้งหลายเป็นผู้ชนะ? หรือเราจะเลือกที่จะเป็นผู้ชนะซะเอง?
มันเป็นเรื่องยากที่จะทำการเลือกอย่างชาญฉลาดในช่วงเวลาที่รีบร้อน แต่เมื่อเราเลือกที่จะเป็นผู้ชนะและเปลี่ยนความเจ็บปวดเป็นการเปลี่ยนแปลงและเข้มแข็งขึ้นของตัวเรา เราไม่ได้แค่กำลังปรับปรุงชีวิตของเรา เรากำลังปรับปรุงชีวิตของผู้คนที่เรารักด้วย และ ผู้คนนั้นคือคนที่เฝ้ามองเราด้วยความรัก ความหวังดีเสมอ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คนรัก เพื่อนสนิทฯ
ด้วยสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม บางครั้ง การจัดการกับมนุษย์เจ้าปัญหา และ “การเป็นผู้ชนะ” เป็นเรื่องที่ดี และ เรื่องที่ยากในเวลาเดียวกัน ดิฉันต้องการที่จะทบทวนกลยุทธ์ต่างๆ สั้นๆ กับคุณในวันนี้ และหวังว่าคุณจะพบคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นด้วย
1. การฝึกฝนในการแยกตัวคุณเองออกจากความคิดเห็นต่างๆ ที่เป็นอคติของผู้อื่น
คุณอาจจะไม่สามารถที่จะควบคุมทุกสิ่งที่ผู้คนพูดและทำ แต่คุณสามารถที่จะตัดสินใจที่จะไม่ทำให้ตัวเองแย่ลงเพราะพวกเขา สิ่งที่ผู้คนได้กระทำกับคุณเป็นปัญหาของพวกเขา คุณจะตอบสนองอย่างไรนั่นเป็นเรื่องของคุณ สิ่งที่คุณจำเป็นที่จะต้องจดจำคือสิ่งต่างๆ ที่ผู้คนพูดและทำกับคุณ ส่วนใหญ่สิ่งเหล่านั้นมักเป็น หรือเคยเป็น เรื่องที่เป็นปัญหาของพวกเขาเองมากกว่าที่จะเป็นปัญหาของตัวคุณ ปฏิกิริยาการตอบสนองของผู้คนที่มีต่อคุณ มันเกี่ยวกับมุมมองทัศนคติ อคติต่างๆ และประสบการณ์ในอดีตของพวกเขาเอง ไม่ว่าผู้คนนั้นจะคิดว่าคุณน่าอัศจรรย์ หรือ เชื่อว่าคุณน่าขยะแขยง ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งมันก็คือเรื่องที่ว่าพวกเขานั้นมองโลกนี้อย่างไร
ถึงตอนนี้ดิฉันไม่ได้กำลังแนะนำว่าเราควรที่จะหลงตัวเองและละเลยความคิดเห็นต่างๆ ทั้งหมดและคำวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหมดที่เราได้รับจากผู้อื่น ดิฉันกำลังพูดอย่างง่ายๆ ว่าจำนวนความเจ็บปวดที่นับครั้งไม่ถ้วน ความผิดหวังและความเศร้าในชีวิตของเรา ส่วนใหญ่เป็นเพราะเราเองยอมปล่อยให้ความคิดนั้นเอนเอียงไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ไม่ว่าจะดีหรือไม่ก็ตาม เราเองควรมีสัญชาตญาณและวิจารณญาณในการรนับคำติชมหรือความคิดเห็นด้วย เพราะอย่างไรชีวิตมันก็เป็นของคุณ ไม่ว่าชีวิตจะดีหรือแย่พวกเขาไม่ได้มามีส่วนร่วมกับผลดีหรือร้ายของคุณเลย
2. จงปราถนาดีต่อพวกเขาและทำวันนี้ของคุณให้ดีที่สุด
อย่าไปลดมาตรฐานต่างๆ ของตัวคุณลง แต่จงจดจำว่าการลบความคาดหวังในตัวคุณของผู้อื่นเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงความผิดหวังโดยพวกเขา จงตระหนักว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะคาดหวังให้ผู้อื่นปฏิบัติกับคุณในหนทางเดียวกับที่คุณปฏิบัติให้กับพวกเขาไม่ใช่ทุกคนจะมีความคิดจิตใจเดียวกับคุณ การประนีประนอมในสิ่งนี้ ปล่อยให้มันจมหายไป ท้ายที่สุด การทดสอบที่แท้จริงจะเป็นสิ่งที่ให้ความเมตตากับผู้คนที่ไม่มีความเมตตา และแน่นอนคุณสามารถที่จะยืนหยัดอย่างจริงใจและเมตตากับผู้คนที่คุณไม่เห็นด้วย จงเตือนตัวคุณเองไว้เสมอว่าคุณไม่รู้ว่าบางคนนั้นเคยผ่านอะไรในชีวิตมาบ้างหรืออะไรที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ในวันนี้ แค่ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดโดยการมีเมตตา ใจกว้าง และให้ความเคารพ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ความจริงจะถูกพูดถึง, ผู้คนเจ้าปัญหาและเย็นชาที่สุดที่คุณพบในครั้งหนึ่งนั้นอาจจะทำตัวอ่อนนุ่มเหมือนเด็กทารก และสิ่งนั้นจะกลายเป็นประสบการณ์ร้ายแรงครั้งหนึ่งของการใช้ชีวิตของพวกเขา ดังนั้นเมื่อผู้คนหยาบคายและทำเรื่องยุ่งยาก คุณจงให้ความสนใจพวกเขาและทำตัวคุณให้ดีที่สุดกับพวกเขา ทำราวกับว่าถ้าเป็นคุณเสียเอง คุณอยากให้โลกช่วยอะไรคุณในวันแย่ๆ แบบนี้ แล้วคุณจะไม่มีวันเสียใจที่ได้ทำมันลงไป
3. สร้างแบบจำลองพฤติกรรมที่คุณต้องการที่จะเห็น
เมื่อบางคนยืนยันที่จะยัดเยียดความเป็นศัตรูของพวกเขาและสร้างเรื่องเหมือนละครให้กับตัวคุณ จงเป็นตัวอย่างของการดำรงอยู่อย่างบริสุทธิ์ จงละเลยความแปลกประหลาดของพวกเขาและเพ่งความสนใจไปที่ความเห็นใจ การสื่อสารและแสดงตัวของคุณจากสถานที่แห่งความสงบสุข, จากสถานที่แห่งความรักด้วยความตั้งใจที่ดีที่สุด จงใช้เสียงของคุณเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ เพื่อการสนับสนุน เพื่อการให้ความรู้ และแสดงพฤติกรรมที่คุณต้องการที่จะเห็นในผู้อื่นเช่นกัน แน่นอนว่าสิ่งนี้ป็นสิ่งที่พูดง่ายทำยาก มันเป็นการปฏิบัติในระยะยาว แม้เป็นระยะเวลา 10 ปี ก็ต้องทำเพราะการตอบโต้ด้วยสิ่งแย่ๆ จะมีแต่ทำให้อะไรแย่ไปกว่าเดิม เราควรแสดงให้พวกเขาเห็นหนทางบวกที่สามารถลดทอนปัญหาได้เหมือนกัน
4. ทำการควบคุมเชิงพวกกับบทสนทนาเชิงลบต่างๆ
มันเป็นเรื่องโอเคที่จะเปลี่ยนเรื่อง คุยเกี่ยวกับบางสิ่งที่เป็นแง่บวก หรืออยู่ห่างจากบทสนทนาต่างๆ จากพวกที่น่าสงสาร เรื่องดราม่า ฯลฯ จงเต็มใจที่จะไม่เห็นด้วยกับมนุษย์เจ้าปัญหาและข้องเกี่ยวกับผลลัพธ์ต่างๆ บางคนไม่ได้จดจำจริงๆ เลยเกี่ยวกับความโน้มเอียงต่างๆ ที่ยุ่งยากของพวกเขา หรือพฤติกรรมที่ไม่มีความเกรงใจของพวกเขา คุณสามารถที่จะบอกคนนั้นไปเลยๆ ว่า “ฉัน/ผม รู้สึกว่าคุณละเลยไม่สนใจฉัน/ผม จนกระทั่งคุณต้องการบางอย่าง” คุณสามารถที่จะซื่อสัตย์ด้วยถ้าทัศนคติที่แง่ลบเกินไปของพวกเขาเป็นสิ่งที่จะขับเคลื่อนคุณออกไปจากทางที่ถูกต้อง: “ฉัน/ผม กำลังพยายามที่จะเพ่งความสนใจไปที่สิ่งต่างๆ ที่เป็นแง่บวก อะไรคือบางสิ่งที่เป็นสิ่งดีที่คุณสามารถที่จะพูดถึงเกี่ยวกับมันได้?” มันอาจจะได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ได้ แต่ความซื่อสัตย์ของคุณจะช่วยทำให้แน่ใจว่าการสื่อสารใดๆ ยังคงดำเนินต่อไปข้างหน้าและถูกสร้างบนผลประโยชน์ที่ร่วมกัน
5. สร้างขอบเขตที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและมีขอบเขตอย่างมีเหตุผล
การฝึกฝนเป็นเรื่องที่ต้องตระหนักในความรู้สึกของคุณและความต้องการองคุณ จงบันทึกเวลาและสถานการณ์ต่างๆ เมื่อคุณรู้สึกไม่พอใจกับการเติมเต็มความต้องการของใครบางคน ค่อยๆ สร้างขอบเขตขึ้นทีละเล็กละน้อยโดยการพูดว่า “ไม่” ต่อการร้องขอต่างๆ ที่ไม่จำเป็นที่เป็นสาเหตุให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจของตัวคุณ แน่นอน สิ่งนี้เป็นเรื่องยากในระยะแรกเพราะว่ามันอาจจะรู้สึกว่าเห็นแก่ตัวไปซักหน่อย แต่ถ้าคุณเคยขึ้นเครื่องบิน คุณจะรู้ว่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินให้คำแนะนำกับบรรดาผู้โดยสารในเรื่องของการใส่หน้ากากออกซิเจนก่อนที่จะไปช่วยผู้อื่น แม้แต่ลูกๆ ของพวกเขาก็ต้องใส่มันด้วย ทำไมหรือ? เพราะคุณไม่สามารถช่วยผู้อื่นได้ถ้าคุณไม่มีความสามารถเพียงพอในการจัดการหรือช่วยเหลือตัวเอง ในระยะยาว การสร้างขอบเขตอย่างมั่นใจและการบังคับใช้เพื่อให้ประโยชน์ต่อสุขภาพและมีขอบเขตอย่างมีเหตุผลกับมนุษย์เจ้าปัญหาจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่เป็นสิ่งดีๆ อย่างมากที่คุณสามารถที่จะทำเพื่อตัวคุณเองและผู้อื่นที่คุณห่วงใย ขอบเขตต่างๆ จะช่วยควบคุมดูแลสิ่งดีที่สุดของคุณ ดังนั้นคุณสามารถที่จะแบ่งปันสิ่งที่ดีที่สุดของตัวคุณกับคนที่สำคัญที่สุดของคุณ ไม่ใช่แค่กับมนุษย์เจ้าปัญหาที่พยายามที่จะทำให้คุณวุ่นวาย
6. ให้เวลาพิเศษกับตัวเอง
มนุษย์เจ้าปัญหาที่คอยที่จะเกลือกกลิ้งในปัญหาของพวกเขาเองและล้มเหลวที่จะเพ่งความสนใจไปที่หนทางในการแก้ปัญหาที่เห็นว่ายากที่จะจัดการ พวกเขาต้องการผู้อื่นให้มาร่วมในงานปาร์ตี้ของพวกเขาเพื่อที่ว่าพวกเขาจะสามารถรู้สึกดีขึ้นเกี่ยวกับตัวพวกเขาเอง และคุณอาจจะรู้สึกถึงแรงกดดันที่จะฟังคำร้องทุกข์ต่างๆ ของพวกเขาอย่างง่ายดาย เพราะว่าคุณไม่ต้องการที่จะถูกมองว่าเป็นพวกคนใจดำหรือพวกคนหยาบคาย แต่มีเส้นบางๆ ระหว่างการให้ยืมหูแห่งความเห็นอกเห็นใจและการติดอยู่กับอารมณ์ดราม่าของพวกเขา
ถ้าคุณถูกบังคับให้อาศัยหรือทำงานกับมนุษย์เจ้าปัญหา คุณต้องทำให้แน่ใจว่าคุณมีเวลาส่วนตัวเพียงพอในการผ่อนคลาย พักผ่อน และฟื้นคืนสู่สภาพปกติ การได้เล่นบทบาทของ “การเป็นผู้ใหญ่ที่ให้การเพ่งความสนใจและมีเหตุผล” ในสีหน้าของความหงุดหงิดที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้สามารถที่จะทำให้หมดแรงได้ และถ้าคุณไม่ระมัดระวัง ทัศนคติที่เป็นพิษของพวกเขาสามารถทำให้คุณติดเชื้อเอาได้ ดังนั้นจงจำไว้ว่าแม้แต่ผู้คนที่มีปัญหาต่างๆ ตามเหตุผลและความเจ็บป่วยต่างๆ สามารถที่จะยังคงทำให้คุณเข้าใจได้ว่าคุณมีความต้องการต่างๆ ด้วย ซึ่งหมายความว่าคุณเองก็สามารถที่จะแก้ตัวให้ตัวคุณเองอย่างสุภาพเมื่อคุณต้องการที่จะทำมัน
7. บอกให้พวกเขารู้ว่าคุณให้ความเคารพแต่จะไม่สนใจพวกเขาอีกแล้ว
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ควรใช้ในท้ายที่สุดที่สำคัญ ถ้าคุณพยายามทำหน้าที่ของคุณดีที่สุดในการสื่อสารด้วยความเคารพกับมนุษย์เจ้าปัญหา หรือ เพื่อที่จะถอยห่างอย่างนุ่มนวลจากพวกเขา แต่พวกเขายังยืนยันที่จะติดตามคุณอยู่รอบๆ และโจมตีคุณไม่ว่าเหตุผลอะไรก็ตาม มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องพูดเสียงดังและบอกพวกเขาว่าคำพูดของพวกเขานั้นไม่มีความหมายกับคุณอีกต่อไป ในแต่ละสถานการณ์ ดิฉันแนะนำให้คุณทำตามคติพจน์ตลอดชีวิตของคุณที่ว่า: “ฉัน/ผมให้ความเคารพแต่จะไม่สนใจพวกเขาอีกแล้ว” การบอกสิ่งนี้ต่อใครก็ตามที่ได้ผ่านการตัดสินของสาธารณชนซึ่งไม่ยอมหยุดความรุนแรงในบางสิ่งที่คุณมีความเชื่ออย่างแรงกล้าในบางสิ่งที่จะทำให้คุณรู้ว่าคุณเป็นใคร และจงเตือนตัวคุณเองไว้เสมอว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผิด บางคนจะไม่ยอมหลีกเลี่ยงที่จะตัดสินคุณไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม และมันก็โอเค คุณส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขาแต่อย่าให้พวกเขาส่งผลกระทบอะไรกับตัวคุณ
ความคิดหรือการทบทวนภายหลัง… กับคนที่ดีและการยกตัวอย่าง
มันไม่ได้ช่วยทำให้มนุษย์เจ้าปัญหาดูเชื่องขึ้นในชีวิตของคุณ ถ้าคุณไม่พร้อมที่จะถนอมความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับคนที่ดี ในบางโอกาส คุณอาจจะพบความยุ่งยากระหว่างคุณและใครบางคนที่ทำให้คุณหมดแรงค่อนข้างรวดเร็ว เมื่อคุณเริ่มต้นที่จะทำตัวคุณให้ยุ่งยากน้อยลง ด้วยความสัตย์ซื่อดิฉันกำลังไม่พยายามที่จะเทศนา สิ่งนี้เป็นบางสิ่งที่ดิฉันกำลังทำงานในชีวิตของดิฉัน มันเป็นการปฏิบัติตลอดชีวิต
ลองโทรไปหาเป็นครั้งแรก, นำเสนอคำชมเชยอย่างแท้จริง, จัดตารางเวลาออกไปเที่ยวด้วยความสนุกกับใครซักคนที่คุณชอบในใจ ส่งข้อความที่ตลกและน่าขบขันโดยไม่มีเหตุผลที่แท้จริงใดไปให้เขาคนนั้น มีหนทางต่างๆ เป็นล้านที่จะถนอมความสัมพันธ์กับคนที่ดีที่มีค่ากับความพยายามพิเศษและความเสียสละของคุณ และเมื่อคนที่ดีและมีความตั้งใจที่ดีรอบๆ ตัวคุณ มันเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่จำเป็น, สิ่งที่เป็นพิษ และความยุ่งยาก จะระเหยออกไปอย่างง่ายๆ จากการหยั่งรู้ในสติของคุณ
สิ่งนี้จะกลับไปที่จุดเหนือการสร้างแบบจำลองของพฤติกรรมจริงๆ ที่คุณต้องการเห็น แค่เป็นแสงสว่างที่จะกำจัดความมืดออกไป แสงสว่างของคุณสามารถที่จะส่องแสงเป็นตัวอย่างให้กับทุกคนรอบตัวคุณ… รวมไปถึงผู้คนที่มีความหมายที่ดีแต่ไม่ไปตระหนักหรือใส่ใจโน้มเอียงในเรื่องความยุ่งยากของพวกเขาและถึงแม้ว่าคุณต้องการที่จะจำกัดการเปิดรับกับบางคน อย่าประเมินต่ำเกินไปใน “ความเป็นไปได้” การแสดงตัวอย่างของคุณอาจไปมีอิทธิพลกับพวกเขาในสิ่งดีที่ยิ่งใหญ่กว่า, ทางเดียวหรือทางอื่น, ในระยะยาว


หนังสือ “ปล่อยไป แล้วใช้ชีวิตต่อ” .. วางแผงแล้ววันนี้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ.. ร้านซีเอ็ด ร้านบีทูเอส ร้านนายอินทร์และร้านคิโนะคุนิยะ สามารถหาซื้อได้แล้วที่สาขาใกล้บ้านคุณ หรือสั่งซื้อกับทางเราได้ง่ายๆ ที่นี่
ปกติหนังสือจงเห็นแก่ตัวและปล่อยไปแล้วใช้ชีวิตต่อ มีขายทุกร้านหนังสือค่ะ
แต่เพื่อความสะดวกลองเช็คลิงค์นี้ของร้าน Se-ed นะคะ เพื่อดูว่าสาขาไหนใกล้คุณมี
ส่วนนายอินทร์ เช็คตามลิงค์นี้ค่ะ นอกจากนี้ ร้านคิโน๊ะคูนิยะ และบีทูเอส มีหนังสือจำนวนมากรอคุณหยิบกลับบ้านค่ะ
Authors : MARC CHERNOFF
Source : marcandangel
Picture : motherforlife
แปลและเรียบเรียง : Kamonchanok.com
Share this Post