สัมภาษณ์ นิตยสาร Secret ฉบับที่ 105
คอลัมน์ This is Life ตอน ชีวิตไม่ได้จบแค่วันนี้ ของ ปู กมลชนก ปานใจ
ตอนจบ ต่อจากฉบับที่ 104 เรียบเรียง เสาวลักษณ์ ศรีสุวรรณ ภาพ สรยุทธ พุ่มภักดี
อย่าลืมศรัทธาตัวเองเพราะคนที่จะทำให้คุณเป็นคนเก่ง สุขภาพดี มีความสุขที่สุด ไม่ใช่ใครเลย นอกจากตัวคุณเอง
หลังจากแต่งงาน ปูก็ไปใช้ชีวิตคู่อยู่ต่างจังหวัด สามีเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เราใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายทุกอย่าง แต่กลับพบว่ายิ่งมีเงิน ความสุขที่เคยมีก็หายตามไปด้วย ในช่วงที่กำลังก่อร่างสร้างตัว ปูทำหน้าที่คอยสนับสนุนสามีในทุกเรื่อง เราฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆมาด้วยกัน จนวันที่เรามีทุกอย่างอย่างที่ต้องการ ปูกลับพบว่าความสัมพันธ์ของเรากลับยิ่งห่าง จากที่เคยคิดว่าเราจะมีความสุขตอนที่เรามีเงิน ตอนนี้ปูกลับพบว่าไม่ใช่ เพราะแม้จะมีเงินมากมายแค่ไหนแต่กลับรู้สึกว่าตัวเองเคว้งคว้าง หาความสุขในชีวิตไม่เจอ เวลาไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันสามีก็มักจะคิดถึงแต่เรื่องงาน ที่สำคัญเขาสูบบุหรี่จัดมาก ซึ่งส่งผลต่อเรื่องสุขภาพเป็นอย่างมาก เพราะปูมีอาการแพ้บุหรี่ แค่ได้กลิ่นก็ปวดหัวไมเกรนทันที
เมื่อคิดไตร่ตรองดีแล้ว ปูจึงตัดสินใจขอใช้ชีวิตคนเดียว ปูบอกสามีว่า “เอาอย่างนี้ไหม ให้ฉันได้ไปใช้ชีวิตคนเดียว 5 ปีแล้วมาดูกันว่าเรายังต้องการกันอีกไหม…แต่อย่างไรก็อยากให้คุณรู้ว่าในวันที่คุณสิ้นชีวิต แม้วันนั้นคุณจะไม่มีใคร แต่คุณจะยังมีฉันอยู่แน่นอน”
4 ปีผ่านไป ปูพบว่าความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เราคุยกันมากกว่า 20 ปีที่ผ่านมา และสามารถเล่าเรื่องต่างๆให้กันฟังได้ทุกเรื่อง ด้วยความที่เราไม่ได้เลิกกัน ก็ยังนัดทานข้าวด้วยกันทุกเดือน ตอนนี้ปูจึงรู้สึกมีความสุขกับความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ และคิดว่าคงไม่มีใครดีเท่าเขาคนนี้อีกแล้ว
นอกจากความสัมพันธ์จะดีขึ้นแล้ว สุขภาพของปูก็ดีขึ้นราวกับเป็นคนใหม่ จากเมื่อก่อนที่ดูแก่ ดูโทรม และสุขภาพแย่สุดๆเพราะนอนดึก ไม่ออกกำลังกาย แถมปล่อยตัวเองไม่ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ วันนี้ปูกลายเป็นผู้หญิงสุขภาพดีที่อยากแบ่งปันประสบการณ์ในการดูแลสุขภาพให้คนอื่นๆฟัง
คุณเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้ ด้วยความคิดของคุณเอง!
แม้ว่ามองจากภายนอกปูจะเป็นสาวเปรี้ยว เที่ยวผับเที่ยวบาร์ ชื่นชอบการเต้นรำ สนุกสนานกับเพื่อนๆ แต่ความจริงแล้วเป็นคนไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้า ด้วยสาเหตุสำคัญ คือ ไม่อยากแก่ค่ะ ปูเป็นคนช่างสังเกตก็พยายามดูว่าพี่ๆนางแบบ นักแสดงใช้ชีวิตอย่างไร อะไรที่เป็นสิ่งที่ดีเราก็นำมาปรับใช้ อะไรไม่ดีเราก็ไม่ทำตาม
แต่คนที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ปูรักในการดูแลสุขภาพก็คือคุณพ่อ ท่านดูแลสุขภาพดีมาก อายุ 80 แล้วแต่ยังกระฉับกระเฉง ออกกำลังกายทุกวัน ทำอาหารทานเอง ก่อนหน้านี้ปูเคยคิดว่าการดูแลสุขภาพเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ตอนนี้ถ้าถามว่ายุ่งยากแค่ 5 นาที แต่สามารถทำให้เราไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลไปอีก 5 ปีอย่างนี้เราจะเอาไหม ปูคนหนึ่งขอเลือกความยุ่งยากเล็กๆน้อยๆ แต่ให้ผลงดงามที่ว่านี้ค่ะ
ปูคิดว่าต่อให้มีเงินร้อยล้าน สามีที่แสนดี บ้านหลังใหญ่โต แต่สิ่งเหล่านี้ก็อาจจะไม่ได้อยู่กับเราไปจนวันสุดท้ายของชีวิต แต่ร่างกายของเรานี่แหละที่จะอยู่กับเราไปจนวันตาย เราอยากจะอยู่กับร่างกายที่ผุพังมีสายระโยงระยางอยู่ในโรงพยาบาล หรืออยากอยู่กับร่างกายที่สดชื่น ได้เดินเล่นริมทะลชมแสงสุดท้ายของวัน หรือเดินขึ้นเขาอย่างสบายใจ ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับความคิดของคุณ ส่วนอายุไม่ใช่เรื่องจำกัดเลยแม้แต่นิดเดียว !
ทุกวันนี้ปูยังเป็นนักเรียน ลงเรียนสาขาวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพราะอยากศึกษาหาความรู้อย่างจริงจังและนำมาถ่ายทอดให้คนอื่นๆฟัง ปูได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ได้รวมกลุ่มอ่านหนังสือกับเพื่อนๆ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และเมื่อไม่นานมานี้ก็มีโอกาสไปพูดคุยเรื่องการดูแลสุขภาพให้เด็กๆที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี และน่าดีใจที่สิ่งที่ปูทำก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เช่น การที่เด็กๆหันมาสนใจทานข้าวกล้องมากขึ้น
ชวนปฏิวัติตัวเองใน 21 วัน อ่านเรื่องนี้ได้ใน eBook พ๊อคเกตบุ๊ค ฟิตแอนเฟิร์มใน 21วัน
ระยะหลังมานี้ ปูมีโอกาสได้พบเจอเพื่อนเก่าอยู่บ่อยๆ จึงได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเพื่อนๆหลังจาก 20 กว่าปีผ่านไป บางคนหน้าตาสวย หุ่นเป๊ะเหมือนเดิม บางคนหน้าตายังสวยแต่หุ่นเปลี่ยนไป ปูจึงแอบถามเคล็ดลับจากสาวผอมเพรียวที่เป็นคุณแม่ลูกสามว่าทำอย่างไรถึงยังรักษาทรวดทรงองค์เอวได้ดีขนาดนี้ เธอบอกว่าดูแลเรื่องอาหารการกินมาตั้งแต่เด็กจนโต และสิ่งที่เธอปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเสมอมาคือ ไม่ทานข้าวเย็นและแป้งหลังบ่ายสามโมงอย่างเด็ดขาด
ส่วนคนที่อ้วนเอาๆ เธอก็บอกว่าที่อ้วนก็เพราะไม่อยากเลิกทานทุกอย่างที่เธอชอบ ปูจึงแนะว่า อยากทานอะไรก็ทานได้ แต่ในปริมาณที่พอเหมาะและหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อนบอกว่าพูดง่าย แต่ทำยาก และเธอไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร
ฟังเพื่อนพูดแล้ว ปูบอกได้คำเดียวว่าเริ่มต้นง่ายมาก แค่หยิบรองเท้ากีฬาแล้วเดินออกจากบ้านไป มีข้อแม้ว่าต้องเดินเร็วๆให้ได้มากกว่า 20 นาที เพราะช่วง 20 นาทีแรกนั้นร่างกายของเรากำลังวอร์ม ขอให้อดทนและมุ่งมั่นจนสามารถเดินผ่าน 20 นาทีไปได้แล้วหลังจากนั้นเราก็จะทำได้
ปูมีความลับมาบอกด้วยค่ะ สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มฝึกที่จะเป็นสาวสปอร์ต ขอให้บังคับตัวเองให้ออกกำลังกายให้ได้ 21 วันขึ้นไป เพราะหลังจากนั้นสมองก็จะสั่งให้เราทำสิ่งนี้ด้วยความเคยชิน คราวนี้ก็ไม่ต้องบังคับตัวเองอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นติดการออกกำลังกายไปเลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ปูไม่เคยเล่นกีฬาเป็นเรื่องเป็นราวมาก่อนเลย จนช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่าตัวเองอ้วนไป เลยใช้วิธีอดอาหาร จนวันหนึ่งร่างกายก็ปฏิเสธอาหาร ทานอะไรแบไม่ได้ ร่างกายผ่ายผอมจนเหลือแต่โครงกระดูก น่าสังเวชเป็นที่สุด
จนตอนหลังเมื่อเริ่มคิดได้ ปูก็เริ่มถามตัวเองว่าจะปล่อยให้ตัวเองหมดสภาพไปจริงๆเหรอ คำคอบคือ “ไม่มีทาง” หลังจากนั้นเมื่อทานมากพอจนมีแรงที่จะออกกำลังกายได้ ปูก็เริ่มออกเดิน เดินอย่างที่ไม่เคยเดินมาก่อน จากวันแรกเดินได้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่หนึ่งเดือนหลังจากนั้นกลับเดินได้กว่า 10 กิโลเมตรต่อวัน
ยิ่งเมื่อไปเที่ยวเนปาลครั้งแรก บอกได้คำเดียวว่าการออกกำลังกายเป็นประจำของเราเห็นผลชัดมาก ที่เนปาลปูต้องเดินขึ้นเขาลูกโน้นลูกนี้ตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น แต่กลับไม่รู้สึกเหนื่อยเลย ในชั่วโมงแรกๆปูยังเดินขึ้นเขาแบบงกๆเงิ่นๆด้วยไม่คุ้นกับความลาดชัน แต่หลังๆปูวิ่งปร๋ออย่างกับคนภูเขาเลยทีเดียว จำได้ว่านั่งพักบ้างแต่ไม่เกิน 3-4 ครั้ง ครั้งละไม่ถึง 20 นาที ที่ภูมิใจคือ ทริปนั้นปูเดินกับเด็กหนุ่มสาวชาวอเมริกัน อายุประมาณ 20 กว่าๆ พวกเขาเหล่านั้นเหนื่อยๆมากๆ ชนิดที่ว่าหายใจเท่าไหร่ก็ได้อากาศไม่พอ แต่ปูกลับรู้สึกสบายๆ
หลังจากรักการเดินเป็นชีวิตจิตใจ ปูก็เริ่มกลับมาฝึกโยคะอีกครั้ง แล้วก็ยกน้ำหนักบ้าง เต้นบ้าง ทำไปเรื่อยขี้เกียจบ้าง ขยันบ้าง แต่ไม่เคยหยุด ในที่สุดจากสาวอ่อนแอขี้โรคก็กลายเป็นสาวที่ชอบออกกำลัง ที่สำคัญวันไหนที่ไม่ได้ออกกำลังจะรู้สึกผิด นอนไม่หลับ ตัวบวมๆ สิวขึ้น และผิวจะดูหมองๆ ที่ผ่านมา ปูมักจะเป็นที่ปรึกษาให้คนอื่นๆทั้งในเรื่องความรักและการดูแลสุขภาพ หลายคนบอกว่าปูโชคดี สบาย แต่ความจริงพวกเขาเหล่านั้นไม่เคยฟังเรื่องราวชีวิตตอนปูลำบากมากกว่า ซึ่งจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาบอกได้เลยว่าชีวิตเราไม่ได้จบแค่วันนี้ วันนี้อาจขึ้นถึงจุดสุดสุด อีกวันอาจอยู่ในจุดต่ำสุดก็เป็นได้ ดังนั้น เราอย่าทะนงตนและเหยียบผู้คนรอบข้าง ที่สำคัญปูไม่ใช่คนที่ชอบเข้าวัดเข้าวา แต่สิ่งที่รู้คือ การเดินทางสายกลาง ทำอะไรพอประมาณดีที่สุด และศรัทธาอะไรศรัทธาได้ แต่อย่าลืมศรัทธาตัวเอง
เพราะคนที่จะทำให้คุณเป็นคนเก่ง สุขภาพดี มีความสุขที่สุด ไม่ใช่ใครเลย นอกจากตัวคุณเอง !
Share this Page