“คนที่ใช่ จะมาในเวลาที่ใช่ และถ้าคุณเจอคนที่ใช่
ในเวลาที่ไม่ใช่ แปลว่าไม่มีอะไรใช่ตั้งแต่แรกค่ะ”
หากคุณยังทำ 8 สิ่ง นี้อยู่คงยากที่จะเจอคนที่ใช่
ดิฉันขอพูดถึงคำพูดข้างบนเล็กน้อยนะคะ เนื่องจากเคยได้ยินคนพูดกันบ่อยๆ ว่า ‘เจอคนที่ใช่ ในเวลาไม่ใช่’ แล้วรู้สึกเกิดแรงกระตุ้นภายใน ฟังแล้วมันดูขัดกันรึเปล่าคะ ดิฉันมองว่ามันย้อนแยงกันไปหน่อย อยากจะบอกว่าเวลาเราเจอคนที่เราปลื้ม หรือชอบมากๆ ในเวลานั้นเราพูดกับตัวเองว่า เจอแล้ว ‘คนที่ใช่ แต่ในเวลาไม่ใช่’ ถูกค่ะ ดิฉันขอบคุณสติของคุณเองที่รู้ตัวว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม จำไว้นะคะ คุณต้องเริ่มทำจิตใจให้เข้มแข็งมากกว่านี้ ถ้าเขามาในเวลาที่ไม่เหมาะสม เขาเป็นเพียงคนที่คุณปลื้ม หรือชอบเท่านั้นค่ะ อย่าพูดกับตัวเองในเวลาไม่ใช่ ว่า “เขาคือคนที่ใช่” เพราะ “คนที่ใช่ จะมาในเวลาที่ใช่ค่ะ”
เอาล่ะค่ะ เข้าเรื่องกันดีกว่า วันนี้เราจะพูดถึงการเจอคนที่ใช่นะคะ คนที่ใช่จริงๆ ในเวลาที่เหมาะสมด้วยดิฉันตั้งใจหมายว่าว่าแบบนั้นจริงๆ เชื่อว่าทุกคน ดิฉันไม่จำกัดเพศนะคะ ทุกคนล้วนแล้วแต่อยากเจอคนที่ใช่ คนที่ไปกันได้และไปกันรอดตลอด ซึ่งทุกคนนี่ดิฉันก็รวมตัวเองเข้าไปด้วย เกือบทั้งชีวิตเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเราหวัง หวังว่าจะเจอคนที่ใช่เข้าสักวัน ใครคนหนึ่งซึ่งต่างออกไป ใครคนหนึ่งที่ใช่สำหรับเรา และเราก็ใช่สำหรับเขาด้วย ถ้าคุณพยายามค้นหาคนนั้นมาโดยตลอดแล้วล่ะก็ ดิฉันขอให้ย้อนมองดูตัวเองค่ะ แล้วคนที่ใช่จะอยู่แค่เอื้อม เมื่อตามหามันยากนัก เราควรทำตัวเองดึงดูดคนที่ใช่ดีกว่าค่ะ ..
1. เกลียดตัวเอง
คุณไม่เคยพอใจเลยกับสัดส่วน รูปร่าง หน้าตาของตัวเอง และเมื่อคุณเป็นแบบนี้ คุณเลยปฏิเสธการเข้าสังคม การเจอเพื่อนๆ หรือแม้แต่การออกไปทานข้าวกับครอบครัว แล้วแบบนี้หรือ? คุณยังจะหวังว่าจะเจอคนที่ใช่?
ถึงเวลาแล้วที่คุณควรจะเลิกพูดไม่ดีกับตัวคุณเอง และเริ่มรู้สึกดีกับสิ่งที่คุณมี เลิกเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วเป็นตัวเองซะ ไม่จำเป็นที่คุณต้องกังวล การเป็นคนที่ใช่ของใครสักคนไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบตลอดเวลาหรอกนะคะ
2. พยายามมากเกินไป
ดิฉันบแกว้เลยนะคะ เรื่องความรักความสัมพันธ์มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งในชีวิตเราเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องทุ่มเวลาทั้งหมดไปกับมัน เว้นแต่คุณมีทุกอย่างสมบูรณ์แบบทุกเรื่องแล้ว ยกเว้นเรื่องนี้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีใครสมบูรณ์แบบ 100% จริงๆ ดังนั้น อย่าเสียเวลามากเกินไปค่ะ อย่าพยายามมากเกินไป แบบแนวเรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่าย ประมานนั้น แสดงออกมากไปมีแต่จะทำให้เขาวิ่งหนี ใช้ความพยายามกับตัวเองดีกว่าค่ะ พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แล้วให้สิ่งนี้ดึงดูดคนที่ใช่และเหมาะสมกับเราเข้าหาเราดีกว่าค่ะ
3. ไม่ออกไปไหนเลย
ดิฉันไม่ได้หมายความว่าคุณต้องออกไปเที่ยว หรือปาร์ตี้ทุกคืนเพื่อให้เจอคนที่ใช่หรอกนะคะ แต่หมาถึงว่าคุณควรออกไปเจอสังคมบ้าง ออกไปดูหนังสักเรื่อง กินข้าวนอกบ้านสักมื้อ เดินเล่น ถ่ายรูป หรือถ้าคุณรู้สึกแปลกๆ ถ้าต้องออกไปทำอะไรแบบนี้เพียงลำพัง คุณแค่โทรชวนเพื่อนค่ะ ไม่แน่อาจจะพบกับคนที่ใช่ระหว่างการเดินทางก็ได้นะคะ
4. ไปแต่ที่เดิมๆ
มันเข้าใจได้ค่ะถ้าคุณแค่ต้องการไปดื่มกาแฟสักแก้ว กินข้าวสักมื้อ หรือปาร์ตี้ ในร้านอาหารร้านเดิม หรือ บาร์เดิมๆ ที่เคยไป แต่ถ้าคุณอยากจะพบคนที่ใช่จริงๆ คุณต้องลองไปที่ใหม่ๆ ดูบ้าง (ที่เก่าคุณรู้แล้วนี่ว่าไม่มีคนที่ใช่แน่ๆ) พบกับคนใหม่ๆ คุณควรก้าวออกจาก comfort zone ของคุณค่ะ ลองไปทานร้านอาหารร้านใหม่ เที่ยวบาร์ใหม่ เดินห้างที่ใหม่ หรือออกกำลังในสวนใหม่ ที่อาจใหญ่กว่าเดิม ลองแค่เปลี่ยนร้านแต่ยังอยู่แถวๆ บ้านก็ยังได้ ดิฉันแนะนำว่า ‘ลองดูค่ะ’
5. เที่ยวกับเพื่อนมากและบ่อยเกินไป
ใช่ค่ะ ข้อนี้อาจจะฟังดูขัดแย้งกับข้อด้านบนไปหน่อย แต่ดิฉันกำลังจะบอกคือ การที่คุณเที่ยวกับเพื่อนบ่อยๆ และมากเกินไป มันเหมือนกับการอยู่ใน comfort zone จริงๆ นั่นแหละค่ะ และลองนึกภาพ ถ้ามีคนที่แอบชอบคุณ อยากเข้ามาคุยกับคุณ แต่คุณโดยรายล้อมไปด้วยเพื่อนสาว หรือเพื่อนผู้ชาย นึกภาพดูค่ะจะมีใครอยากเข้าใกล้คุณอยู่ไหมในเวลานั้น คุณเองก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะเลี่ยงเข้าหาคนที่มีเพื่อนรายล้อม ต่อให้เราชอบแค่ไหนก็ได้แค่มองห่างๆ และจากกันไป
6. รวดเร็วและมากเกินไป
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่คุณทำ ถ้าคุณกำลังปลื้มหรือออกเดทกับใครอยู่ตอนนี้ ช้าๆ ไว้ค่ะ อย่าตัดสินอะไรรวดเร็ว และทำอะไรที่มากเกินไป การจะรู้ว่าใครคือคนที่ใช่บางครั้งต้องใช้เวลามากกว่าสองครั้งด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้นให้เวลามันดำเนินไปค่ะ อย่าเร่งเร้า และเขียนหาเขาในลักษณะที่ยาวและมากไป โดยเฉพาะการพรรณาความรู้สึกตัวเองยาวหนึ่งหน้ากระดาษ ไม่ควรค่ะ ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ท่องไว้นะคะ เจอคนที่ใช่ทั้งทีก็ต้องให้ดีด้วยนะคะ
7. คาดหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ไม่เป็นไรถ้าคุณจะชอบคนหน้าตาดีๆ สูง หล่อ/สวย หุ่นเซ็กซี่ แต่คุณควรเรียนรู้ที่จะยอมรับความจริงที่ว่าไม่มีใครดีพร้อมไปหมดตามที่คุณคาดหวังไว้ คุณควรจะเผื่อพื้นที่ไว้บ้าง อย่างน้อยก็ได้ให้ใครที่อาจจะกลายเป็นคนที่ใช่ของคุณนั้นได้พิสูจน์ตัวเอง เพราะไม่มีใครสมูรณ์และมีพร้อมไปหมดทุกอย่างจริงๆ
8. Say yes กับทุกคนที่เจอ
ดิฉันเข้าใจ ว่าคุณออกวิ่งมานาน แล้วพบเก้าอี้ที่ว่างอยู่ และมีคนๆ นึงนั่งอยู่ตรงนั้น คุณเดินไปนั่งกับเขาได้ค่ะ เพื่อให้หายเมื่อยล้า อาจจะพูดคุยกันฉันเพื่อนมิตร เข้าใจได้ แต่ไม่ใช่การตกลงปลงใจไปกับเขาเลยทันที และเมื่อคุณออกวิ่งใหม่ เจอคนใหม่คุณก็ทำแบบเดิมอีก .. จำไว้นะคะ
การเป็นโสดนั้นไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย
การมีความสัมพันธ์ที่ผิดพลาดคือสิ่งที่เลวร้ายของจริง
หากคุณรู้สึกแย่และเหนื่อยกับการตามหา ‘รักแท้’ ก็หยุดค่ะ หันมามองตัวเอง ให้คุณค่ากับตัวเอง ดิฉันบอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าความสัมพันธ์นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งในชีวิต คุณยังมีอีกหลาย Part ของชีวิตที่ต้องดูแลเอาใจใส่ ดังนั้น อย่ากังวลกับเรื่องนี้มากไปนะคะ มีความสุขกับตัวเองเข้าไว้ รักตัวเองให้มากๆ เพียงเท่านี้คนที่ใช่ก็ไม่ใช่อะไรที่ยากอีกต่อไปนะคะ
Share this Post