3 วิธี จัดการกับพวกชอบแทงข้างหลัง

3 วิธี จัดการกับพวกชอบแทงข้างหลัง

พวกชอบแทงข้างหลังน่ะดีแต่แสแสร้งทำตัวเป็นเพื่อนรักที่แสนดีแต่กลับหันมาแว้งกัด ทรยศและโกหกพกลมเอาคุณไปนินทาเสียๆ หายๆ ไม่ว่าอะไรจะทำให้คนๆ นี้แทงข้างหลังคุณก็ช่างเถอะ แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องรู้จักปกป้องตัวเอง ถ้าสถานการณ์เลวร้ายยังดำเนินต่อ คุณต้องหาทางตัดปัญหาเรื่องนี้ไปเพื่อที่ชีวิตของคุณจะได้ไม่ต้องรับผลกระทบอะไรอีก เช่น คุณอาจจะถือโอกาสนี้ผูกมิตรกับคนที่ชอบแทงข้างหลังคุณซะเลย หรืออาจจะตัดสัมพันธ์แล้วก้าวต่อไปก็ได้

วิธีการที่ 1 : ปกป้องตัวเองจากการแทงข้างหลัง

  • ตรวจสอบให้ดีก่อนว่าเรื่องราวที่ได้ยินมานั้นเป็นเรื่องจริงแน่หรือเปล่าแล้วค่อยลงมือจัดการ

บางทีการพูดกันปากต่อปากก็ทำให้แก่นสารของเรื่องผิดเพี้ยนไปและเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องที่ไม่ได้เป็นจริงตามที่คุณได้ยินมา แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็เดินหน้าต่อเลย

  • พยายามนินทาให้น้อยที่สุด

อย่าเผยแพร่ข่าวลือยามอยู่กับคนที่คุณไม่รู้จัก คุณอาจจะอยากช่วยเหลือคนที่เพิ่งมาใหม่ด้วยการเล่าเรื่องแย่ๆ เกี่ยวกับอาจารย์หรือเจ้านายให้ฟัง แต่คุณจะรู้ได้ยังไงว่าทางนั้นจะเอาไปเล่าให้ใครฟังต่อบ้าง ถ้าคุณอดนินทาหรือบ่นไม่ได้ก็พูดต่อหน้าคนที่ไม่เคยเจอคนที่คุณกำลังนินทาก็แล้วกัน การรับฟังเรื่องนินทาหรือข่าวลือจากคนอื่นนั้นไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่คุณไม่ถลำร่วมวงไปด้วย พยายามฟังมากกว่าพูดหากคุณหลีกเลี่ยงการนินทาไม่ได้

  • สร้างความสัมพันธ์ดีๆ กับทุกคนรอบกาย

พยายามทำตัวเป็นมิตรและมองโลกในแง่ดีแม้ว่าจะต้องไปติดต่อกับคนที่คุณไม่รู้จัก ถึงอาจจะมีคนคิดร้ายต่อคุณอยู่ดี แต่คนอื่นๆ จะได้ไม่ไปเข้าข้างอีกฝ่ายซะหมดไงล่ะ ถ้าคุณทำงานแล้ว ประพฤติตนต่อทุกคนด้วยความเคารพ ไม่ใช่กุลีกุจอเอาใจใส่แต่เพื่อนร่วมงานและเจ้านายเท่านั้น เพราะถ้าคุณให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานมากเกินไป คุณอาจจะเผลอทำให้เจ้าหน้าที่ต้อนรับ เด็กฝึกงาน หรือพนักงานลำดับต่ำกว่าไม่พอใจคุณโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้นะ

  • หัดจับสังเกตการแทงข้างหลังให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้

ยิ่งคุณปล่อยให้พวกชอบแทงข้างหลังลอยนวล พ่นคำโกหกและปล่อยข่าวทำร้ายตัวเองนานเท่าไหร่ การกู้คืนชื่อเสียงก็จะยิ่งยาก ถ้าคุณจับพวกแทงข้างหลังได้แต่เนิ่นๆ คุณก็จะได้จัดการปัญหาก่อนที่จะบานกลายไปกันใหญ่ได้ ลองมองหาสัญญาณเตือนพวกนี้ซะ:

– มีข่าวลือผิดๆ ว่าคุณได้ทำหรือพูดอะไรบางอย่างไป

– คุณพูดอะไรบางอย่างเป็นการส่วนตัว แต่ทุกคนดันรู้กันหมด

– อยู่ดีๆ ผู้คนก็เลิกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้คุณฟัง ไม่มอบหมายงานให้คุณทำเหมือนเคย และไม่ชวนคุณไปร่วมกิจกรรมอย่างที่เคยชวน

– ผู้คนทำตัวเย็นชาหรือไม่เป็นมิตรใส่คุณโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

  • ทำความเข้าใจซะว่าไม่ใช่ว่าพฤติกรรมกวนใจทุกอย่างจะเป็นสัญญาณของการแทงข้างหลังไปซะหมด

อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วยการเหมาว่าใครบางคนกำลังแทงข้างหลังคุณอยู่ พฤติกรรมแย่ๆ บางอย่าง เช่น การมาสายเป็นประจำ การทำตัวรุงรังไม่เรียบร้อย หรือการทำตัวเห็นแก่ตัวนั้นเป็นลักษณะของคนไร้หัวคิดแต่ไม่จำเป็นว่าคน ๆ นั้นต้องเป็นพวกชอบแทงข้างหลังเสมอไป การทำผิดพลาดบางครั้งคราว เช่น การขอยกเลิกนัดอาหารกลางวันในนาทีสุดท้ายหรือการไม่ใส่ใจโทรศัพท์กลับมาหาก็ไม่ใช่สัญญาณของการแทงข้างหลังเช่นกัน

  • จดสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นไว้

ทันทีที่คุณเริ่มเอะใจว่ากำลังโดนแทงข้างหลัง บันทึกสิ่งต่างๆ ที่ชวนให้คิดเอาไว้ จดสิ่งที่เกิดขึ้นและเหตุผลที่ทำให้คุณคิดว่าคนๆ นั้นทำร้ายคุณโดยเจตนาเก็บไว้ คุณจะได้พิจารณาเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญได้ง่ายขึ้นและรู้ว่าเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นเพราะทางนั้นแทงข้างหลังคุณหรือเป็นเพียงแค่เรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ถ้าคุณคิดว่ากำลังโดนใครจ้องทำร้ายในที่ทำงาน จดบันทึกให้เป็นเรื่องเป็นราวเลยว่างานของคุณได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง โดยใส่รายละเอียดของงานที่คุณทำเสร็จ ผลตอบรับในแง่ดีที่คุณได้รับ และหลักฐานที่เป็นรูปธรรมที่คุณสามารถนำมาปกป้องตัวเองได้หากการบ่อนทำลายร้ายแรงขึ้น

  • ระบุตัวตนคนชอบแทงข้างหลัง

หลังจากคุณได้สังเกตเห็นสัญญาณแล้วว่ามีคนกำลังจ้องเล่นงานคุณอยู่ คุณต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมและการกระทำของคนรอบกายเพื่อที่จะได้จำกัดวงผู้ต้องสงสัยให้แคบลง คุณต้องลองสังเกตดูคนที่คุณสงสัยหลายๆ ครั้งก่อนที่จะสรุป เพราะบางครั้งพฤติกรรมอันหยาบคายนั้นอาจมีผลมาจากวันอันเลวร้ายที่คน ๆ นั้นได้ประสบมาก็เป็นได้ โดยคุณสามารถจับสังเกตพวกชอบแทงข้างหลังได้ดังนี้:

– ถ้าใครบางคนชมคุณอย่างไม่จริงใจหรือพูดจาราวกับว่าคำวิจารณ์เป็นคำชม คนๆ นั้นอาจจะซ่อนความอิจฉาหรือความโกรธไว้ในใจได้

– คนบางคนเห็นดีเห็นงามกับคุณเวลาอยู่ด้วยกันสองคนแต่ดันไปเข้าข้างคนอื่นเวลาคุณพูดเรื่องเดียวกันในกลุ่ม

– คนที่อาจแทงข้างหลังคุณมักจดจำความขุ่นข้องหมองใจหรือคำดูถูกที่เคยเจอมาในอดีตได้เป๊ะๆ คนพวกนี้อาจจะเก็บความไม่พอใจไว้นานและคิดว่าการแก้แค้นนั้นสมควรแล้ว

– ผู้ต้องสงสัยประพฤติต่อคุณอย่างไม่ให้เกียรติ ไม่สนใจฟังความเห็นของคุณและไม่ยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเมื่อคุณขอให้หยุด

– นอกเหนือจากสัญญาณที่ว่ามา คุณต้องคิดให้ดีว่าใครที่จะสามารถหักหลังคุณได้บ้าง ถ้ามีคนเอาเรื่องที่คุณพูดเป็นการส่วนตัวไปพูดต่อซ้ำๆ คนๆ นั้นก็ต้องเป็นคนที่คุณไว้ใจ ถ้าโครงการที่คุณกำลังดูแลอยู่ถูกบ่อนทำลายก็แสดงว่าคนที่จ้องแทงข้างหลังคุณสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ของโครงการได้

  • บอกให้เพื่อนรู้สิ่งที่คุณข้องใจ

อย่าเหมารวมไปว่าใครๆ ก็จ้องทำร้ายคุณ ขอให้เพื่อนแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาและเล่าให้เพื่อนฟังว่าทำไมคุณถึงสงสัยว่ากำลังโดนแทงข้างหลัง คุณจะได้รู้ว่าคนอื่น ๆ เห็นว่าสิ่งที่คุณคิดฟังขึ้นไหม หรือคุณแค่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ไปเอง

– บอกเรื่องนี้กับคนที่คุณไว้ใจได้ว่าจะไม่เอาไปนินทาต่อและขอร้องให้เพื่อนๆ เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นเรื่องส่วนตัว

– ถ้าคุณสงสัยใครเป็นพิเศษ ลองเล่าเรื่องนี้ให้คนที่รู้จักแต่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับคน ๆ นั้นฟังดูสิ ถ้าคุณหาเพื่อนที่ไว้ใจได้และมีคุณสมบัติตามนี้ไม่ได้ก็คุยกับคนที่ไม่รู้จักคนๆ นั้นแทน โดยคุณต้องอธิบายการกระทำและพฤติกรรมที่เฉพาะเจาะจงที่ทางนั้นได้ทำ ไม่ใช่มัวแต่แสดงความเห็นที่คุณมีต่อลักษณะนิสัยของอีกฝ่าย

  • อย่ากลายเป็นพวกชอบแทงข้างหลังซะเอง

คุณอาจจะอยากแก้แค้นพวกแทงข้างหลังด้วยการทำร้ายอีกฝ่ายแบบเดียวกับที่คุณโดน แต่การทำตัวอย่างนั้นมีแต่จะทำให้ปัญหาบานปลายและทำให้คุณรู้สึกแย่และมีอารมณ์ร่วมมากกว่าเดิม นอกจากนี้ การทำเช่นนั้นไม่เป็นการดีต่อชื่อเสียงของคุณเลย ถึงคุณจะกำจัดพวกแทงข้างหลังไปได้ (ซึ่งมีโอกาสทำสำเร็จน้อยมาก) คุณก็อาจจะเจอปัญหาเดิมๆ อยู่ดี

วิธีการที่ 2 : รับมือเพื่อนที่แทงข้างหลัง

  • ใจเย็นไว้

บางครั้งคนเราก็ทำอะไรไปโดยไม่ได้คิด การทรยศก็เช่นกัน การโต้ตอบด้วยความโกรธเกรี้ยวนั้นไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น ทำใจให้สงบเข้าไว้และสนใจแต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงทั้งในตอนนี้และในระยะยาวดีกว่า อย่าละเลยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็ใช้ชีวิตประจำวันไปตามปกติ ไม่ใช่มัวแต่คิดวุ่นวายว่าตัวเองน่าจะแสดงพฤติกรรมร้ายกาจอะไรเพื่อตอบโต้อีกฝ่ายบ้าง

  • มองหาด้านดีของคนที่แทงข้างหลังคุณ

การทำตัวดีกับคนที่แทงข้างหลังอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณนึกอยากทำ แต่ถ้าคุณใจนิ่งพอและยอมรับข้อดีบางอย่างของคนๆ นั้นได้ สถานการณ์คุกรุ่นอาจจะดีขึ้นก็ได้นะ พวกคนก้าวร้าวหลบในอย่างพวกที่ชอบแทงข้างหลังมักคิดไปว่าตัวเองต้องใช้วิธีการสกปรกและทำร้ายคนอื่นเท่านั้นเพราะความพยายามอย่างซื่อตรงของพวกเขามักถูกมองข้ามยังไงล่ะ

– ชวนคนๆ นั้นมาทำกิจกรรมร่วมกัน การได้ทำอะไรสนุกๆ ชวนให้ลืมเรื่องราวบาดหมางอาจจะทำให้คนที่เคยแทงข้างหลังคุณรู้สึกว่าตัวเองได้รับการยอมรับอีกครั้ง

  • ขอคุยกับคนที่แทงข้างหลังคุณตรงๆ เลย

ติดต่อคนที่แทงข้างหลังคุณเป็นการส่วนตัวผ่านข้อความหรืออีเมล์หากเข้าไปคุยกันตัวต่อตัวไม่ได้ บอกอีกฝ่ายอย่างสุภาพว่าคุณอยากพูดคุยด้วยถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นและนัดอีกฝ่ายออกไปคุยกันเป็นการส่วนตัวซะ

  • อธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกคุกคาม

ขอให้ทางนั้นช่วยยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้น เช่น ถามอีกฝ่ายว่าใช่คนที่ส่งข้อความมากวนใจคุณหรือเปล่า

– อย่าเริ่มบทสนทนาด้วยการอ้างถึงอีกฝ่ายตรง ๆ เพราะทางนั้นอาจจะรู้สึกว่าตัวเองถูกกล่าวหาและไม่พอใจได้ คุณควรเริ่มการพูดคุยกันด้วยการพูดอะไรประมาณว่า “ฉันได้ยินข่าวลือผิด ๆ เกี่ยวกับตัวเองมา”

  • ฟังเรื่องจากมุมมองของอีกฝ่าย

เพื่อนคนนั้นอาจจะไม่ได้อยากโกรธเคืองคุณไปตลอดกาลก็ได้นะ ดังนั้น ปล่อยให้อีกฝ่ายได้เล่าเรื่องจากมุมมองของตัวเองโดยไม่ขัดหรือแสดงความโกรธออกมา คุณอาจจะเป็นฝ่ายเข้าใจผิดเอง และเรื่องราวทั้งหมดก็อาจจะซับซ้อนกว่าที่คุณคิดก็ได้

  • ขอโทษสำหรับสิ่งที่คุณเคยทำพลาดไป

ถึงคุณจะคิดว่าความผิดส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากเพื่อนคนนั้น แต่ถึงอย่างไรก็พยายามมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากมุมมองของอีกฝ่ายซักหน่อยเถอะ ขอโทษถ้าคุณเข้าใจเพื่อนผิดหรือทำให้ทางนั้นเสียใจโดยไม่รู้ตัวถึงคุณจะทำผิดไปแค่เรื่องเดียวและไม่ได้มีเอี่ยวกับบรรดาเรื่องอื่นๆ ที่เกิดขึ้นเลยก็ตามที

  • ให้อภัยเพื่อนเมื่อใจพร้อม

ถ้าคุณอยากจะกลับมาเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายอีกครั้ง คุณทั้งสองคนต้องพร้อมให้อภัยซึ่งกันและกัน ถึงมิตรภาพอาจจะไม่สามารถเยียวยาได้ แต่การให้อภัยจะทำให้คุณก้าวต่อไปได้และเลิกเครียดเกี่ยวกับเรื่องที่ตัวเองโดนหักหลังไงล่ะ

  • พูดคุยเกี่ยวกับมิตรภาพที่ประสบปัญหาและปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้น

คุณต้องเปิดใจและตรงไปตรงมา พูดคุยกับอีกฝ่ายเป็นการส่วนตัวเมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ถ้าคนใดคนหนึ่งเกิดทุกข์ใจเพราะพฤติกรรมบางอย่างหรือการทำผิดพลาดซ้ำๆ ในความสัมพันธ์ คุณต้องบอกอีกฝ่ายให้รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร

  • พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง

หลังจากได้เปิดอกคุยกันเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์แล้ว คุณทั้งสองต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อที่จะปรับปรุงความเชื่อใจและสร้างความสุขขึ้นมาใหม่อีกครั้ง คุณอาจจะต้องหากิจกรรมใหม่ๆ ทำหากกิจกรรมที่มักทำร่วมกันทำให้เพื่อนรู้สึกอึดอึด คุณต้องระมัดระวังคำพูดและหลีกเลี่ยงไม่เรียกชื่อเล่นที่อีกฝ่ายไม่ชอบ ไม่ใช้โทนเสียงบาดหูหรือทำนิสัยที่ทำให้เพื่อนรำคาญนะ

– ถึงอย่างไรคุณก็จะเผลอทำพลาดบ้างอยู่ดีเมื่อพยายามฝืนไม่ทำตามความเคยชิน ขอโทษเมื่อทำผิดและให้อภัยเมื่อเพื่อนทำผิดด้วยล่ะ

  • ถ้าพยายามแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้น คุณอาจจะต้องจบมิตรภาพนี้ไป

บางครั้ง การหักหลังก็ทำลายมิตรภาพเกินจะฟื้นฟูความเชื่อใจขึ้นมาใหม่ได้ ถ้าคุณได้พยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่ยังไม่มีอะไรดีขึ้น คุณอาจจะต้องหาทางก้าวเดินต่อไปแล้วล่ะ

– เมื่อถึงจุดนี้ คุณคงเคยพูดคุยเรื่องการทรยศและมิตรภาพกับเพื่อนของคุณไปแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง หากเพื่อนของคุณยังไม่ยอมทำอะไรให้ดีขึ้น ก็เลิกคุยกับเพื่อนคนนั้นซะเถอะ

– ถ้าคุณทั้งคู่ได้พยายามสร้างมิตรภาพขึ้นใหม่แล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพื่อนคนนั้นอาจเข้าใจว่าทำไมคุณถึงรู้สึกแย่ก็ได้นะ พูดคุยกับอีกฝ่ายอย่างใจเย็นว่าถึงยังไงก็คงคบกันต่อไม่รอดและเลิกติดต่อกับอีกฝ่ายซะ

– บางครั้ง คุณอาจจบมิตรภาพได้ด้วยการทำตัวห่างเหิน เชิญเพื่อนคนนั้นมาร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ น้อยลงและอย่ารับสายทุกครั้งที่อีกฝ่ายโทรมา การทำราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตนอยู่เลยอาจทำให้ทางนั้นเจ็บปวด แต่การค่อยๆ ห่างเหินกันจะทำให้คุณถอยห่างออกมาได้เหมือนกันโดยไม่ทำให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำจนเกินไป

วิธีการที่ 3 : จัดการกับเพื่อนร่วมงานจอมแทงข้างหลัง

  • อย่าปล่อยให้เพื่อนร่วมงานเข้ามาแทรกแซงงานของคุณ

มุ่งความสนใจไปที่งานที่ทำได้โดยไม่ต้องมีเพื่อนร่วมงานและอย่าปล่อยให้ความโกรธมากระทบความสัมพันธ์ทางหน้าที่การงานหรือความรับผิดชอบได้ อย่าให้เรื่องแค่นี้ทำให้คนอื่นพลอยโกรธหรือผิดหวังในตัวคุณเชียวล่ะ

  • ชี้ทางสว่างให้เพื่อนร่วมงานที่ชอบแทงข้างหลัง

โดยปกติแล้ว พวกเพื่อนร่วมงานที่ชอบแทงข้างหลังคนอื่นน่ะไม่ได้เป็นโรคจิตหรอก พวกเขาก็แค่คิดว่าการเล่นนอกเกมเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พวกเขาก้าวหน้าได้ก็เท่านั้น ลองตั้งใจมองหาด้านดีๆ ของเพื่อนร่วมงานคนนั้นและส่งเสริมให้คนๆ นั้นเป็นคนดีดูสิ

– ในขณะที่ประชุมหรือคุยงานกัน ลองขอให้เพื่อนร่วมงานที่แทงข้างหลังคุณแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้อที่เขาหรือเธอเชี่ยวชาญดูสิ

– สนับสนุนอีกฝ่ายเมื่อทางนั้นพูดหรือเสนออะไรที่คุณรู้สึกเห็นด้วย แต่สนับสนุนต่อเมื่อคุณรู้สึกเห็นด้วยจริงๆ เท่านั้นนะ อย่าทำอะไรเกินพอดีและเยินยออีกฝ่ายล่ะ

– ถ้าเพื่อนร่วมงานคนนั้นมีปฏิกิริยาไม่ดีต่อท่าทีของคุณ เลิกทำและลองหาวิธีอื่นดู คนบางคนอาจจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความพยายามของคุณก็ต้องมีขีดจำกัดนะ

  • พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนร่วมงานคนนั้นเป็นการส่วนตัว

อธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจอย่างไรเมื่อนัดเจอกันตัวต่อตัวหรือจะส่งอีเมล์ไปก็ได้ เปิดใจคุยกันถึงปัญหาแล้วดูว่าเพื่อนร่วมงานคนนั้นเป็นผู้ใหญ่พอที่จะพูดคุยกันตรงๆ ไหม

– อย่าใช้น้ำเสียงเหมือนคุณกำลังกล่าวหาอีกฝ่าย พูดอะไรที่ไม่เฉพาะเจาะจงเช่น “ฉันสังเกตว่างานทำไม่ทันเวลาเลย” แทนที่จะพูดอะไรที่มุ่งโจมตีอีกฝ่ายอย่าง “เป็นเพราะเธอทำงานไม่ทัน”

  • หาหลักฐานมาสนับสนุนสิ่งที่คุณพูด

ก็เหมือนกับที่บอกไปแล้วในส่วนการ “ปกป้องตัวเองจากการแทงข้างหลัง” นั่นแหละ คุณต้องเตรียมข้อมูลที่มีรายละเอียดยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเพื่อนร่วมงานของคุณยันดึงดันปฏิเสธว่าเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็แสดงหลักฐาน เช่น อีเมล์หรือเอกสารอื่นๆ ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นจริงให้อีกฝ่ายดูซะเลย

– ถ้าเพื่อนร่วมงานคนนั้นยังยืนกรานปฏิเสธ หาพยานมาช่วยยืนยันซะ

  • ขอนัดพบผู้จัดการหากเรื่องที่เกิดขึ้นอาจเสียหายมาถึงหน้าที่การงานของคุณ

ถ้าการแทงข้างหลังครั้งนี้หนักหนาจนอาจส่งผลร้ายแรงได้และการพยายามพูดคุยกับคนๆ นั้นไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ขอนัดพบผู้จัดการหรือผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลซะเลย การพูดคุยกับผู้จัดการนั้นยิ่งเป็นเรื่องสำคัญหากมีข่าวลือว่าคุณทำให้บริษัทเสียหายหรือทำอะไรที่อาจทำให้ถูกลงโทษแพร่ออกไป

– เตรียมข้อมูลให้พร้อมที่สุดก่อนไปพบผู้จัดการ การเตรียมเอกสาร อีเมล์ หรืออะไรก็ตามที่เป็นหลักฐานที่หนักแน่นพอที่จะยืนยันได้ว่าคุณถูกบ่อนทำลายจะช่วยให้สถานการณ์ของคุณดีขึ้นได้ นอกจากนี้ ผลตอบรับดีๆ ที่คุณเคยได้รับและผลงานที่สะสมไว้จะช่วยหยุดยั้งข่าวลือว่าคุณขี้เกียจหรือไร้ความเป็นมืออาชีพลงได้

เคล็ดลับ

  • ไม่พึ่งพาคนที่แทงข้างหลังคุณไม่ว่าจะเรื่องใดหรือไม่ขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายหากเป็นไปได้
  • อย่าลังเลที่จะถามคำถาม ถ้าใครดูมีพิรุธในเรื่องใดก็ถามไปตรงๆ เลย คนๆ นั้นจะได้มีโอกาสอธิบายตัวเองด้วยไงล่ะ
  • มองโลกในแง่ดีเอาไว้และอย่าไปสนใจคนแทงข้างหลัง

คำเตือน

  • อย่าเล่าความลับให้คนที่มีประวัติเคยหักหลังคนอื่นฟัง
  • อย่าไว้ใจเพื่อนของคนที่เคยหักหลังคุณเพราะคนพวกนั้นอาจจะเข้าข้างอีกฝ่ายก็ได้
  • ระมัดระวังคำพูด คนที่จ้องจะเล่นงานคุณอาจแปลงคำพูดของคุณและทำให้สิ่งที่คุณพูดวกกลับมาทำร้ายตัวคุณเองได้

Credit : th.wikihow
Source : themuse, psychologytoday
Picture : magforwomen

Share this Post

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.